
วันที่ 25 พ.ย. 68 นาย ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี” ระบุว่า “หาดใหญ่ ล่มอีกแล้ว ไม่มีข้าวกินด้วย”
“แปลกไหมภายใน 24 ชม. นายกอนุทินไปหาดใหญ่ถึง 2 ครั้งท่านบอกว่า นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วง น่าจะเพราะบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วมครั้งแรกไม่เบ็ดเสร็จเรียบร้อย คือยิ่งไปยิ่งท่วม ถึงตอนนี้ก็ท่วมมา 2 รอบแล้ว และก็กำลังจะเกิดรอบ 3 ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอนจากเทือกเขาสันกาลาคีรี อ.สะเดา”
“ขอตั้งข้อสังเกตว่า กทม. และหาดใหญ่ก็มีสภาพทางภูมิศาสตร์และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจคล้ายกัน เช่น กทม. มีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเมือง ในขณะที่หาดใหญ่มีครองอู่ตะเภายาว 116 กม. และคลอง ร.1 ที่ ร.9 ทรงสร้างเพื่อช่วยระบายน้ำไหลผ่านเมืองเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในทางอุทกวิทยาและภูมิศาสตร์คือ กทม. รับน้ำจากภูเขาและแม่น้ำ 4 สายใหญ่ทางเหนือซึ่งห่างไป 900 กม. และใช้เวลา 2 อาทิตย์จึงจะไหลมาถึงแถมยังมีเขื่อนสารพัดกักเก็บควบคุมไว้ แต่หาดใหญ่รับน้ำป่าจากเขาคอหงส์ เขาหลวงและเขาสันกาลาคีรีซึ่งห่างไปเพียง 100 กม. โดยไม่มีอะไรมากั้นเลย ดังนั้นภายใน 3-6 ชม. เมื่อฝนตกหนักบนภูเขา น้ำก็มาถึงหาดใหญ่แล้ว นอกจากนี้กทม. และหาดใหญ่ล้วนเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นปากทางระบายน้ำสู่ทะเล และในช่วงท่วมเมืองก็จะเป็นช่วงน้ำทะเลขึ้นสูงสุดเหมือนกัน”
“อาทิตย์ที่แล้วต้องถือว่า หาดใหญ่และภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกชุกมาก ถึงขั้นพยากรณ์ได้ว่า น้ำจะท่วม ซึ่งผมก็เตือนแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ท่านคงนึกว่า ตัวเองแน่ จึงไม่ฟัง แล้วตอนนี้เป็นไงครับ ฝน 5 วัน 600 มม. ถือว่าสูงมาก บนบานยังไงก็ท่วม หนีไม่พ้น การเตรียมการ การเตือนภัย การอพยพ การเตรียมอาหารล้วนไม่พอหมด แปลกมาก ผมไม่เห็นทหารสักคน ไม่เห็นรถทหารยูนิม็อคสูงๆ ออกมาช่วยราษฎรเลย มันเกิดอะไรขึ้น”
ผมไม่อยากปิดบัง จึงขอแนะนำสิ่งก่อสร้าง และสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ดังนี้
1. ขยายความกว้างของคลอง ร.1 และคลองอู่ตะเภาอีกเท่าตัว เพื่อช่วยระบายน้ำ ซึ่งจะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท โครงการนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้เตรียมแบบแปลนไว้แล้ว ส่วนเงินให้ไปถาม คสช. คุณประยุทธ์ว่า เอาไปใช้ทำอะไรจึงหมดแล้ว
2. เจาะถนนที่เชื่อมหาดใหญ่กับจังหวัดสงขลาซึ่งตัดผ่านทุ่งระบายน้ำ โดยต้องเปิดหลายๆจุด กว้างจุดละประมาณ 100 เมตร
3. ต้องรื้อประตูน้ำที่ปากระวะที่สร้างมานมนานแล้ว เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ล้าสมัย ไม่ได้ใช้แล้วและทำลายระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำเค็ม น้ำจืดและน้ำกร่อยของทะเลสาบสงขลาตอนใน เรื่องนี้ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ผมจะแนะนำเชิงบังคับให้ทำเป็นสิ่งแรกเลย เมื่อไม่มีประตูน้ำที่ไม่ใช้แล้วมาขวางกั้น การระบายน้ำจากพัทลุงจะระบายง่ายขึ้น วัชพืชเช่น สาหร่าย ผักตบชวาจะหมดไป กุ้งก้ามกรามและปลากระบอกจะกลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม
4. หาทางขยายหรือสร้างอุโมงค์ระบายน้ำที่ปากน้ำทะเลสาบที่คับแคบเพราะถูกทำเป็นท่าเรือในสมัยท่านนายกเปรม ในครั้งนั้นเท่าที่จำได้ผู้สร้างต้องการหาจุดหนีคลื่นเท่านั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เมื่อ 40ปีที่แล้ว ผมก็ได้เคยให้ความเห็นคัดค้านไว้แล้ว
5. หาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะและลุ่ม จึงรับน้ำจากทุกทิศ ยังไงหากเกิดฝนตกหนักก็ท่วมอีกแน่นอน ดังนั้นจึงต้องสร้างผนังกั้นน้ำถาวร(polder) ให้กับสถานที่สำคัญเช่น โรงพยาบาลและสนามบิน
6. การช่วยเหลือราษฎรในวันนี้ให้ทั่วถึง ต้องล่องเรือแจกอาหารตามบ้าน เหมือนที่พวกผมเคยทำที่เกาะอยุธยาเมื่อปี 2554
7. คลองเล็กคลองน้อยจำนวนมากที่ระบายน้ำออกทะเล ตอนนี้ถูกอุดตันไปหมดแล้ว ต้องเอารถไปขุดสันดอนทรายที่เกิดจากลมมรสุมออก เพื่อช่วยให้ระบายน้ำออกทะเลได้สะดวก
8. ช่วงนี้ยังมีพายุฝนอยู่ กรุณาอย่าใช้เฮลิคอปเตอร์ของลูกน้องผมทั้ง 2 กระทรวงเลย มันอันตรายมาก
9. ต้องตั้งศูนย์บัญชาการในระดับรัฐบาลเหมือนตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งศูนย์บัญชาการที่ดอนเมือง และให้ทุกกระทรวงมาตั้งศูนย์เป็นรายกระทรวงด้วย
“ท่านนายกครับ การไปเยี่ยมราษฎร การพูดเพราะต่อประชาชนเป็นเรื่องดี แต่ยามนี้ประชาชนเขาต้องการสั่งการที่ชัดเจน ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เขาก็ยังไม่ต้องการเงินเยียวยา 9,000 บาทอะไรของท่าน การจะซื้อใจอะไร ก็ซื้อให้ถูกเวลาครับ น้ำท่วมครั้งนี้ผมขอตั้งข้อสังเกตถึงความสับสนอลหม่านของทุกหน่วยราชการทุกระดับ การประสานงานกันเพื่อแก้ปัญหาในช่วงวิกฤตบกพร่องในทุกระดับตั้งแต่จังหวัดลงมา และมีความประมาท”
Advertisement