
วันที่ 20 พ.ย. 68 นาย ธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ได้ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2568 และภายหลังจากเมื่อสิ้นสุดการรับสมัครสอบแข่งขันแล้ว ได้ปรากฏข่าวจำนวนมากว่ามีผู้แอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งทางตรง และทางอ้อม รวมถึงการติวและการขายข้อสอบ เพื่อให้ผู้สมัครสอบแข่งขันเป็นผู้สอบได้นั้น
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีการประชุมหารือร่วมกันกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ในวันนี้ (20 พ.ย.) เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2568
นายธีรุตม์ กล่าวว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปที่จะจัดทำ MOU ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันฯ ประกอบด้วย สถ. กสถ. สนง.ปปช. สนง.ปปท. และ บก.ปปป. เมื่อ 26 มกราคม 2567 และจะทำ MOU เพิ่มเติมอีก 2 หน่วยงาน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สนง.ปปง.) เพื่อบูรณาการป้องกัน ต่อต้านและปราบปรามการทุจริต โดยภาคีเครือข่าย ทั้ง 7 องค์กร จะเข้าไปสังเกตการณ์การจัดสอบของมหาวิทยาลัยในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มจนแล้วเสร็จ รวมถึงกำหนดเงื่อนไขในสัญญาจ้างว่า หากมหาวิทยาลัยผู้จัดสอบมีส่วนทำให้เกิดการทุจริตไม่ว่าด้วยเหตุใด จะถูกบอกเลิกสัญญา ต้องรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง
ส่วนกรณีปรากฏข่าวว่ามีการทุจริต สถ.จัดให้มีชุดเคลื่อนที่เร็ว และประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่าย MOU ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดนอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ (เพิ่มเติม) เช่น การล่อซื้อ การดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ และการตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลงนามในคำสั่ง ที่ 1017/2568 เรื่องแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีข่าวการทุจริตเกี่ยวข้องกับการสอบแข่งขันเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ปี 2568 โดยมีนายปิยะ คังกัน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบริหารงานบุคคลท้องถิ่นเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ให้อำนาจตรวจสอบและติดตามข่าวการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงรวมถึงเรียกเอกสาร และหลักฐานต่างๆ จากหน่วยงานภาคราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหรือประกอบการพิจารณา
โดยให้มีการคุ้มครองผู้ร้องและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ให้ต้องรับภัยหรือความไม่ชอบธรรม ซึ่งอาจเนื่องมาจากการร้องเรียนการเป็นพยานหรือการให้ข้อมูลโดยประสานขอความร่วมมือให้ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานความร่วมมือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ข้อร้องเรียนการทุจริตการปฏิบัติหรือการละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยบูรณาการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ท. กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นและคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสอบดังกล่าวในช่วงเดือน ธ.ค. มีผู้สมัครสอบ 430,000 คน และจะมีการประกาศขึ้นบัญชีไว้ 30,000 คน และมีกระแสข่าวว่ามีการจ่ายเงินหัวละ 500,000-600,000 บาท เพื่อให้สอบได้ ซึ่งการสอบนี้เลื่อนมา 2ปีแล้ว เพราะมีผู้ร้องเรียนเรื่องการทุจริตการจัดสอบ ในยุครัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จึงกำชับเรื่องความโปร่งใส ได้สั่งการอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตครั้งใหญ่ของประเทศ
Advertisement