“พลโทกนก”ชี้ไทยควรทำหนังสือประท้วงต่อสหรัฐฯ และมาเลเซีย
“พลโทกนก” ชี้ไทยควรทำหนังสือประท้วงต่อสหรัฐฯ และมาเลเซีย ปมทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด และมีมาตรการประท้วงมากกว่านี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีมข่าวได้พูดคุย กับ พล.ท.กนก เนตระคเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เผยถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนหลังมีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะทำร้ายทหารไทย และต้องการที่จะต้องการรักษาพื้นที่ตรงนั้น เพื่อไม่ไห้ทหารไทยเข้าไป
ส่วนการทำหนังสือประท้วง ส่วนมากเราจะประท้วงในเรื่องของ “ทหารกัมพูชา” ลอบวางทุ่นระเบิด แต่ทหารไทยเป็นฝ่ายเหยียบ ซึ่งบางทีก็มองภาพไม่ออก ก็เลยทำให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้
ตนเองจึงขอแนะว่า การทำหนังสือประท้วง ควรเอาเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่เราได้ตรวจพบ ว่าทหารกัมพูชาได้เข้ามารื้อลวดหนามไทย จากนั้น วันที่ 10 พ.ย. ที่ทหารไทยได้ออกไป ลาดตระเวน และมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บเหยียบระเบิดจนขาขาด
ซึ่งตนเองยังได้ฟังสัมภาษณ์ทหารที่บาดเจ็บด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นทหารกัมพูชาที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร จ้องมองว่าทหารไทยจะเหยียบระเบิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทหารกัมพูชาได้เข้ามาแอบวางทุ่นระเบิดใหม่ และตรวจพบ ทุ่นระเบิดอีก 3 ทุ่น คือ ชนิด PMN 2 โดยสิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการลงรายละเอียด ในเอกสารที่จะมีการประท้วงไปยังกัมพูชา แต่ทราบว่าหนังสือได้ออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว และอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียด
ดังนั้นหนังสือประท้วงที่จะส่งไปยัง สหรัฐอเมริกา และ มาเลเซีย จะต้องมีการบรรยายเรื่องระเบิดที่กล่าวมาข้างต้นด้วยเพื่อจะให้เห็นภาพ โดยก่อนหน้าตนเองเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า การเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ทุ่นระเบิดควรถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ เพื่อเห็นพื้นที่ภูมิประเทศปฏิบัติงาน ซึ่งเห็นแค่ภาพนิ่ง ก็อาจจะมองว่าเป็นการจัดฉากได้
ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามต่อกรณี ฮุนเซนได้ออกมาโต้ว่า ทุ่นระเบิด PMN 2 ที่พบล่าสุด เป็นสมัยสงคราม ด้าน พล.ท.กนก โต้กลับทันที ว่า ฮุนเซน ใช้วิธีเก่าในการแก้ตัว เพราะหากเป็นทุ่นระเบิดสมัยสงคราม ทหารที่บาดเจ็บ ใช้เส้นทางในการลาดตระเวนประจำ ระยะ 3-4 วัน ต่อ 1 ครั้ง แสดงว่าต้องมีการเหยียบก่อนหน้านี้
ดังนั้นถึงเวลาแล้ว และรัฐมนตรีก็อนุมัติไฟเขียวแล้ว แต่เราจะสร้างความชอบธรรมได้ขนาดไหน โดยการประท้วงก็ต้องมีการแจ้งมาตรการที่เข้มแข็งและเด็ดขาดมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนี่ขึ้นอีก ไทยสามารถผลักดันและทำลายกำลังของฝั่งกัมพูชาในพื้นที่ได้ และไม่ต้องรอให้กัมพูชาเปิดก่อน
พล.ท.กนก ย้ำอีกว่า สิ่งที่ไทยทำได้ตอนนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การสั่งระงับต่างๆ เพราะกัมพูชาเองก็ไม่ได้เดือดร้อน ควรตัดสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เช่น น้ำมัน หรือ ไฟ ที่ควรกดดัน
สำหรับการระงับปฏิญญา 4 ข้อ มองว่าที่ผ่านมากัมพูชาก็ไม่เคยปฏิบัติตามไม่ได้มีผลดีต่อกัมพูชา แต่ควรจะยกเลิกสัญญา ให้ทั่วโลกเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นคนล้มกติกาก่อน แต่ถ้าหากไม่ทำอะไร ก็จะเหตุการณ์เหมือนเดิม
ส่วนกรณีการงดส่งเชลยศึก 18 คน จะมีผลหรือไม่นั้น พล.ท. กนก ย้ำว่าอย่าได้ไปสนใจ เพราะเชลยศึกภาคตะวันออกลำบากมากกว่านี้ ไม่ได้อยู่สุขสบายเหมือนประเทศไทย ซึ่งเราชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ โดยกับกัมพูชานั้นทำด้วยไม่ได้
ผู้สื่อข่าวยังสอบถามต่อ ถึงกรณีมีบุคคลสั่งหยุดยิงที่ “พลโทบุญสิน หรือ บิ๊กกุ้ง ”ออกมาพูดก่อนหน้านี้ พล.โท กนก ยืนยันว่า ครั้งแรกที่พลโทบุญสิน พูดเป็นความจริง แต่พูดเมื่อวานนี้ไม่เป็นความจริงถูกปิดปาก แต่จะเป็นใครนั้นต้องไปถามเจ้าตัว แต่สันนิษฐานว่า “อาจจะเป็นรุ่นพี่หรือไม่” เช่น เบอร์โทรศัพท์ หากไม่คุ้นเคยกัน พลโทบุญสินก็คงจะไม่รับ
นอกจากนี้ ประเทศมาเลเซีย ที่เขามามีบทบาทการเจรจาระหว่างกัมพูชา และไทย หลังมีเหตุการณ์ระเบิด พลโท กนก ยังมองว่า เขามายุ่งกับไทยทำไม อาจจะเป็นเพราะมีหุ้นส่วนอยู่ในกัมพูชาหรือไม่ ขนาดสัญญาณที่ให้กัมพูชาใช้ก็เป็นของมาเลเซีย เพราะฉะนั้นไม่ควรยุ่งเรื่องอธิปไตย เพราะบทบาทในฐานะประธานอาเซียน ควรจะประณามกัมพูชา
Advertisement
