
"บุ๋ม ปนัดดา" สะเทือนใจทหารไทยเหยียบระเบิดชายแดน ซัดกัมพูชาเจรจาดีต่อหน้าแต่ลับหลังยังยั่วยุ ถามถึงรัฐบาล–นายกฯ ทำไมยังไร้รูปธรรมปกป้องแผ่นดินไทย
วันนี้ (10 พ.ย. 68) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี ภายหลังเกิดเหตุ “ทหารเหยียบระเบิด” จนข้อเท้าขวาขาด 1 นาย และอีก 1 นายมีอาการแน่นหน้าอก เหตุเกิดในพื้นที่ตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ โดยผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์
บุ๋ม ปนัดดา เปิดเผยว่า ภายหลังทราบข่าวได้รีบตรวจสอบทันทีว่าเป็นพื้นที่ใด และตรงกับจุดที่ตนเคยลงพื้นที่ทำถนนหรือไม่ พบว่าเป็นอีกฟากหนึ่งของตามาเรีย ซึ่งในฐานะคนที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนมาโดยตลอด ยอมรับว่า เจ็บปวดหัวใจทุกครั้งที่ได้ยินข่าวแบบนี้เพราะไม่อยากให้น้องทหารคนใดต้องบาดเจ็บอีก
เธอกล่าวต่อว่า หลังจากที่มีการเจรจาข้อตกลงกับทางฝั่งกัมพูชา ท่าทีเหมือนจะดีขึ้น แต่กลับเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก ซึ่งฝั่งไทยเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมาโดยตลอด จึงควรถามตัวเองว่า “เราควรพอหรือยัง?” เหตุการณ์ลักษณะนี้ควรจะจบตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ไม่ควรมาจบที่ “ขาที่เจ็ดของทหารไทย” พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงท่าทีของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รวมถึงนายกรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นสิ่งใดเป็นรูปธรรมในการปกป้องแผ่นดินไทย โดยเฉพาะพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” ที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องกรรมสิทธิ์ของไทยอย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ในพื้นที่ “ปราสาทตาเมือนธม” ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนเล็กยั่วยุทหารไทย แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ บุ๋ม ปนัดดา จึงตั้งคำถามว่า “ประเทศไทยเราจะทำได้แค่นี้หรือ?”
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าทุ่นระเบิดที่เกิดเหตุเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า ต้องดูพื้นที่ที่ทหารเดินลาดตระเวน หากเป็นเส้นทางเดิม ยืนยันว่าเป็น “ทุ่นใหม่แน่นอน” เพราะทหารไทยทำงานด้วยความระมัดระวัง ไม่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อรู้ดีว่าฝั่งกัมพูชาเป็นอย่างไร ซึ่งจากการที่ตนเพิ่งลงพื้นที่ชายแดนล่าสุด ก็ยังพบว่าฝั่งกัมพูชายังคงลักลอบนำทหารเข้ามาในแนวชายแดนอยู่
นอกจากนี้ บุ๋ม ปนัดดา ยังกล่าวถึงกรณีการปล่อยตัวเชลยศึก ว่าอยากตั้งคำถามกับพี่น้องประชาชนว่า “เราทราบมาก่อนไหมว่าจะมีการปล่อยตัวเชลยศึกในวันที่ 12 พฤศจิกายน?” เพราะเพิ่งมาทราบหลังเกิดเหตุในวันนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนก็เคยตั้งคำถามถึงวันที่ดังกล่าว ซึ่งในมุมมองของตน “วันปล่อยเชลยศึกควรเป็นวันที่ประชาชนได้รับรู้”
ส่วนกรณีการลงนามสันติภาพที่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วม บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า เรื่องนี้ “ไม่เกี่ยวกับทรัมป์” เพราะในมุมมองของเขา ไม่ได้สนว่าใครจะดีหรือไม่ดี เพียงแต่อยากได้ “รางวัลโนเบล กับ แร่แรร์เอิร์ธ “เท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าประเทศไทยจะอยู่ในสถานการณ์แบบใด
สำหรับกรณีที่ “บิ๊กกุ้ง” เคยออกมาเผยว่า เคยถูกผู้ใหญ่สั่งให้หยุดยิง หลังจากปฏิบัติการต่อเนื่องกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า ในวันนั้น “บิ๊กกุ้ง” เดินทางไปบรรยายที่จังหวัดนครปฐม และในช่วงบ่ายเธอได้เจอที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งแม้จะทราบเรื่องบางส่วนแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก อย่างไรก็ตาม เห็นท่าทีของผู้ใหญ่หลายท่าน เช่น “บิ๊กเล็ก” และ “คุณภูมิธรรม” ที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน โดยล่าสุด “บิ๊กกุ้ง” ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นคำสั่ง แต่เป็นการโทรปรึกษาหารือ ซึ่งบุ๋ม ปนัดดา มองว่า ก็แล้วแต่มุมของแต่ละฝ่าย และไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ควรยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ
บุ๋ม ปนัดดา กล่าวทิ้งท้ายว่า หากเกิดเหตุปะทะขึ้นอีก เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าสั่งให้หยุดยิงอีกครั้ง และในฐานะมูลนิธิองค์กรทำดี ตนยืนยันพร้อมสแตนด์บายร่วมกับเจ้าหน้าที่ชายแดน เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่
Advertisement