
พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลเตรียมจะปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน กลับคืนให้กัมพูชาว่า ตนเชื่อว่าทางรัฐบาลและกองทัพน่าจะพิจารณามาดีแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เราเริ่มถอนอาวุธหนัก น่าจะเป็นไปตามเงื่อนไข ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย เชลยที่กลับไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมารับกับเราได้อีก ถ้าเป็นไปตามนั้นจริงๆ
เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับการที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ กดดันเรื่องภาษีหรือไม่ บิ๊กกุ้ง มองว่าไทยน่าจะไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ คำนึงเรื่องสถานการณ์มากกว่า
ส่วนข้อดีของเชลยศึกถ้าหากถูกปล่อยตัวกลับไปกัมพูชา ก็คือเราจะไม่ต้องดูแลเขา ไม่ต้องเปลืองงบประมาณและอาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในเรื่องของการเจรจาเรื่องสันติภาพ แต่ข้อเสียก็ยังไม่รู้ว่าถ้าหากเขากลับไปแล้ว จะมีการพูดอะไรกับทางนั้นหรือไม่ อาจจะเเต่งเครื่องแบบทหารกลับมาสู้กับเราอีกรอบก็ได้ แต่ก็หวังว่ามันน่าจะดีขึ้น
ตนไม่มีอะไรจะเเนะนำ เพราะทางผู้บัญชาการทหารบกและรัฐบาลมีขั้นตอนอยู่เเล้ว โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นแม่งาน ยืนยันว่าเราทำตามเงื่อนไขของนานาชาติ
ส่วนที่บอกว่ากัมพูชาจะถอนอาวุธหนักเฟส 1 ออกจากพื้นที่ เเละจะมีความจริงใจจริงหรือไม่นััน ตนก็เชื่อว่าจะมีการถอนอาวุธหนัก เเต่ต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนคณะ AOT และคณะผู้สังเกตการณ์ต้องช่วยดูด้วย เราต้องไม่ประมาท
ส่วนเรื่องปราสาทตาควาย ตนได้ยืนยันไปบนเวทีแล้วว่าอย่างไรก็ตามจะต้องได้คืน ซึ่งทางรัฐบาลกับกองทัพก็พูดตรงกัน และความสูญเสียของทั้ง 16 นายไม่สูญเปล่าแน่นอน เราอยู่ตรงไหนอยู่ตรงนั้น ควบคุมไม่มีถอนอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องของมูลนิธิบิ๊กกุ้ง ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้าง ถ้าหากสำเร็จเรียบร้อยแล้วจะแจ้งอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปร่าง ฝากเตือนประชาชนอย่าเพิ่งเชื่อข่าวในโซเชียลที่เปิดขอรับบริจาค ยืนยันว่ายังไม่มีมูลนิธิบิ๊กกุ้ง
Advertisement