
(7 พ.ย. 2568) นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี้เรื่องที่สำคัญและเรื่องใหญ่ต้องรีบแจ้งให้กับประชาชน 9,000,000 รายชื่อที่เสียหายให้รับทราบ นอกจากนี้ในมาตรการป้องกันขณะนี้กำลังมีกระบวนการในการอัปเดตกฎหมาย ในการยืนยันตัวตนในแพลตฟอร์มแค่เฉพาะ Facebook แต่เป็นทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งเนื้อหาโดยตรงของกฎหมายทางแพลตฟอร์มต่างๆ จะต้องให้มีกระบวนการยืนยันตัวตน แต่ถ้าหากไม่มีแล้วเกิดความเสียหายแพลตฟอร์มต้องร่วมรับผิดชอบในความเสียหาย เชื่อว่าหากกฎหมายออกมาจะลดปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องสแกมเมอร์เมอร์ รวมไปถึงปัญหาทางไซเบอร์ต่างๆ ด้วย
สำหรับการตั้งข้อสังเกตการจับกุมไม่ใช่ตัวการรายใหญ่นั้น นายไชยชนก ระบุว่า หากมีการรวบรวมข้อมูลมาให้ก็จะดีมาก อย่างที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เคยพูดก่อนหน้านี้ ดังนั้นข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจาก นายรังสิมันต์ โรม หรือใครก็ตามหากมีหลักฐานชัดเจน ตนก็ยินดีและพร้อมให้ความสนับสนุนทุกอย่าง รวมถึง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ด้วย
ส่วนการสอบเส้นทางการเงินของ นายชนนพัฒน์ นาคสั้ว สส.พรรคกล้าธรรม ที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยฃกับเครือข่ายสแกมเมอร์ กับนักการเมืองทั้ง 7 คน ขณะนี้กระทรวงดีอีได้ข้อมูลแล้วหรือไม่นั้น นายไชยชนก ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรแต่ยินดีรับข้อมูลทั้งหมด ซึ่ง จะนำข้อมูลมาส่งให้กับตนเองโดยตรงก็ได้หรือจะนำไปส่งให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ เพราะว่าตน มีการประชุมร่วมกันทุกวันศุกร์อยู่แล้ว
ส่วนสัปดาห์หน้าที่ นายอัจฉริยะ จะขอเข้าพบเพื่อส่งข้อมูลให้นั้น นายไชยชนก ตอบว่า ยินดีเสมอซึ่งภายใต้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก็มีหน่วย งานและเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าตน ซึ่งเข้าใจกฎระเบียบข้อบังคับของกระทรวงได้มากกว่า ซึ่งจะได้ทางออกตรงนั้น โดยส่วนตัวมองว่า จะใช้เวลาในการพิจารณาไม่นานถ้าหากได้ข้อมูลมาถ้าหากพบว่ามีรายชื่อและเส้นทางทางการเงินที่ชัดเจนพร้อมกับหลักฐานที่เชื่อมโยงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีโอกาสเปลี่ยนใจไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานหรือไม่ นายไชยชนก ตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่าแล้วแต่ว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ เพราะตอนนี้มีหลายเรื่องสำคัญที่ตนต้องเต็มที่ และมีหลายเรื่องที่ต้องยื่นให้คณะกรรมธิการดีอี
ส่วนกระแสการยุบสภาเพื่อหนีการ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายไชยชนก ตอบว่า ตนไม่ได้มีการพูดคุย แต่ถ้าสอบถามความคิดของตน ยุบสภากรณีเดียวที่พรรคภูมิใจไทยจะยุบสภา คือได้ทำเงื่อนไขทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในพรรคไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้เพราะแยกย้ายกันทำงาน
เมื่อถามย้ำว่าจะยุบสภาหนีซักฟอกหรือไม่ นายไชยชนก ตอบว่า ผมไม่มีอะไรต้องหนีแน่นอน
Advertisement