
(7 พ.ย. 2568) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือถึงรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ จากกรณี "อ้อ ไพรัช" ถูกกดดันจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ จนต้องยุติจัดกิจกรรมทวงคืนประสาทตาควาย ว่า การที่ตนเดินทางมาวันนี้เพื่อพูดคุยกับรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นอย่างไร เราต้องการความโปร่งใส จะให้จัดงานหรือไม่ แม้ว่าที่ผ่านมารักษาการฯ จะบอกว่าไม่ได้ห้าม ก็อยากให้สื่อสารกับตนแบบตรงไปตรงมา ว่าสาเหตุของการไม่จัดงานนั้นเพราะเหตุใด มีการอ้างข้อกฎหมายอ้างรัฐธรรมนูญ
ซึ่งต้องถามว่าเกรงใจใครหรือไม่ หรือจะนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตนได้ประกาศว่าจะขึ้นเวทีแสดงจุดยืนร่วมกับชาวสุรินทร์ หากมองว่านายกรัฐมนตรีจะไม่สบายใจ ตนไม่ร่วมงานก็ได้ แต่ขอให้ชาวบ้านได้จัดงานและแสดงจุดยืนในความรักชาติแบบมีเหตุผล ซึ่งงานนี้ตนบอกว่าไม่มีข้อเสีย เป็นงานสร้างสรรค์ ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ถือเป็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่ หรือกลัวใครจะไม่สบายใจหากเป็นทางสมเด็จฮุน เซน ก็ช่วยไม่ได้ และว่าเรื่องนี้เป็นการเมืองอย่างแน่นอน อาจเป็นการเมืองภายในคือเป็นห่วงนายกรัฐมนตรี เพราะตนประกาศอยู่ตรงข้ามไม่เอาหนู แต่หากไปห่วงใย ฮุน เซน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
พร้อมยอมรับว่าเสียใจแทนประชาชน เพราะกิจกรรมนี้หาข้อเสียไม่ได้มีแต่ข้อดี การแสดงออกในลักษณะไม่บ้าคลั่ง ทำด้วยเหตุด้วยผลและทำผ่านกิจกรรมดีๆ แบบนี้ และที่สำคัญไม่มีการเปิดรับบริจาคทุกบาททุกสตางค์ มาจากธารน้ำใจของคนผู้จัดงานไม่กี่คน และเกิดข้อครหาข้อสงสัยทั้งตนเองและกลุ่มผู้จัดงานรวมถึงชาวจังหวัดสุรินทร์ ว่าเหตุการณ์ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งประชิดแนวชายแดนไม่เห็นถูกว่าอะไร ซึ่งตนมองว่าสิ่งที่ปัญหาคือหน่วยงานฝ่ายปกครอง ตำรวจในพื้นที่ ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับ "อ้อ ไพรัช" เขาคงไม่กล้าเช่นตนเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ ซึ่งทำตัวไม่ถูกว่าจะตอบสมาชิกหรือคนที่มาสนับสนุน รวมถึงแฟนคลับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาซึ่งเสียความรู้สึกกันทั้งหมด
ยืนยันว่าเรื่องนี้มีคำสั่งที่ไม่มีใบเสร็จ มีคำสั่งที่ไม่ใช่ทางการ ไม่มีหนังสือราชการถึงคนที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งล่าสุดทราบมาว่ามีการใช้คำว่าห้ามให้มีกิจกรรมนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้ในเรื่องข้อกฎหมายนั้นไม่มี จากการพูดคุยกับ "อ้อ ไพรัช" ทราบว่า ในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก ฝ่ายทหารไม่มีคำสั่งห้าม แต่คนที่มีปัญหาคือ ฝ่ายปกครองและตำรวจ ซึ่งกฎหมายที่รับรองและคุ้มครองสิทธิ์คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้โอกาสรวมตัวกัน ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ดี และมองว่าการไม่จัดงานในครั้งนี้เป็นการปิดปากประชาชน
Advertisement