
(27 ต.ค. 2568) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งที่ 4/2568 ซึ่งมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณา (ร่าง) แผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ.2569 และการกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามมาตรา 5 (10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
นายบวรศักดิ์ กล่าวภายหลังการประชุมที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งที่ 4 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมทั้งกองทัพที่เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
โดยมีการอนุมัติในสองเรื่องสำคัญสำคัญ คือ แผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดประจำปี 2569 รวมทั้งแผนดำเนินการระยะสั้นภายในกรอบ 6 เดือน และเรื่องที่ 2 คือ การอนุมัติพื้นที่ที่จะมีการดำเนินการป้องกันปราบปรามตามแนวชายแดนที่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพทั้ง 3 ภาคในการเข้มงวดกวดขัน โดยเฉพาะภาคเหนือที่มีการเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันปราบปรามเพิ่มขึ้น 3 พื้นที่ ประกอบด้วยอำเภอเมือง จ.เชียงราย อ.เชียงคำ จ.พะเยา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ตนได้ขอความร่วมมือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและเลขาธิการ ป.ป.ส. ในการจัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมทั้งขอให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขกฎหมายเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ซึ่งกระทรวงสาธารณาสุขได้เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้พ้นโทษคดียาเสพติดครึ่งหนึ่งมักกลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากปัญหาด้านจิตวิทยา หรือไม่สามารถกลับเข้าสู่สังคมได้ ตนจึงขอให้มีการทบทวนกฎระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ทั้งหมด ตลอดจนขอให้หน่วยงานภาคเอกชนดำเนินการตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังชั้นดี เพื่อรองรับด้านอาชีพให้แก่ผู้ที่พ้นโทษแล้ว ขณะที่ จำนวนผู้เสพใหม่ก็มีเพิ่มขึ้นสูงถึงปีละ 300,000 ราย จึงต้องมีการมุ่งเน้นด้านการป้องกันให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงเรื่องพืชกัญชา และกระท่อมด้วยว่า มีจุดประสงค์ใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้นไม่ใช่เพื่อสันทนาการ ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและป้องกันไม่ให้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาใช้เพื่อการสันทนาการ
ด้าน น.ส.อารีย์ภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะ โฆษก ป.ป.ส. กล่าวย้ำว่าในส่วนของกัญชามีวัตถุประสงค์ใช้เพื่อการแพทย์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งหากจะใช้ก็ต้องมีใบสั่งแพทย์ตามกฎหมายกำหนดพร้อมยอมรับว่าปัญหาเรื่องกัญชาที่เกิดขึ้นมาจากการสื่อสารกับประชาชนที่ยังไม่เพียงพอ
Advertisement