
(27 ต.ค. 2568) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภารกิจวันที่สองของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 ซึ่งไทยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี โดยจะเน้นย้ำความสำคัญของการขับเคลื่อนหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม (Comprehensive Strategic Partnership: CSP) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 28 (ASEAN Plus Three: APT) เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นความท้าทายในภูมิภาค พร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านการรับมือกับภัยพิบัติและความท้าทายใหม่ๆ ที่ส่งผลต่อภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองในโอกาสเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการของติมอร์-เลสเต เวลา 12.30 น.
ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 5 เพื่อผลักดันการขยายผลประโยชน์ของความตกลงการค้าเสรีให้เกิดผลเชิงรูปธรรมต่อภาคธุรกิจและประชาชน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับรองประธานธนาคารโลก ก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 20 (East Asia Summit: EAS) ซึ่งไทยจะร่วมผลักดันการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาระบบภูมิรัฐศาสตร์ที่สมดุลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสิงค์โปร์
ต่อมาในเวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 เพื่อหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะมีการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยาเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
"นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำของประเทศไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือทั้งในกรอบอาเซียนและระดับโลก โดยจะใช้เวทีอาเซียนนี้ยืนยันบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนของภูมิภาค พร้อมผลักดันแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานสะอาด และการสร้างภูมิภาคที่มั่นคงและสงบสุข เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนในอาเซียนและนานาชาติ" นายสิริพงศ์ กล่าว
Advertisement