Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ด่วน! “วรภัค” ประกาศลาออก รมช.คลัง ยันไม่เกี่ยวข้องสแกมเมอร์

ด่วน! “วรภัค” ประกาศลาออก รมช.คลัง ยันไม่เกี่ยวข้องสแกมเมอร์

22 ต.ค. 68
15:09 น.
แชร์

ด่วน! “วรภัค” ประกาศลาออก รมช.คลัง ยันไม่เกี่ยวสแกมเมอร์ เดินหน้าฟ้องคนใส่ร้าย เพื่อไม่ให้รัฐบาลถูกครหา ยืนยันทำงานสุจริต รู้จักเบน สมิธ เพราะลูกเรียน รร.เดียวกัน

วันที่ 22 ต.ค.2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นัดสื่อแถลงข่าว ที่ห้องประชุม 401 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจง ถึงกรณีที่ถูกพาดพิง ว่าไปเอี่ยวขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ ในช่วงแรก นายวรภัค ได้เริ่มไล่เรียงเป็นประเด็นๆ ตั้งแต่ประวัติ และภูมิหลังการทำงาน

ก่อนที่จะมาชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิง ยืนยันว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในกัมพูชา หรือที่ใดในโลกนี้

ส่วนมีความพยายามเชื่อโยงกับ บีไอซีกรุ๊ปและบีไอซีแบงค์ cambodia ว่าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ตนไม่อาจทราบได้ ต้องให้กระบวนการยุติธรรม เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และยืนยันว่า ไม่สนับสนุนการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย และไม่ปกป้องผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย

ส่วนตัว ยอมรับว่าเคยพบผู้บริหารบีไอซีแบงค์ คือ มิสเตอร์ Leak Yim แต่ไม่เคยเป็นกรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใดๆ ของบีไอซีแบงค์ แคมโบเดีย และไม่เคยได้รับเงินใดๆ ตามที่เอารูป เอาชื่อ ไปลงในเว็บไซต์ ก็ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งพอมีคนบอก เข้าดูอีกทีก็ไม่มีแล้ว

ส่วนมิสเตอร์ Benjamin Mauerberger นั้น รู้จัก เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกันที่เมืองไทย ซึ่งเข้าใจว่าเค้าอยู่ไทยมา 20 ปี ลูกเรียนชั้นเดียวกัน วัยเดียวกัน รู้จักกันในฐานะผู้ปกครอง แต่ไม่เคยทราบลึกๆ ว่ามีธุรกิจอะไรยังไง กับมิสเตอร์ยิ้มเลียก เลียกยิ้ม

ต่อมาได้ชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวแทน หรือโนมินิ เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส ผ่าน Pilgrim Finansa

โดยในปี พ.ศ 2564 ตนได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บริษัทหลักทรัพย์ที่มันเชีย ไซรัส เป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. ทุกประการ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า management buy out อีกนัย

หนึ่งก็คือผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งคือตนเอง และ นายช่วงชัย เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสม เพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโต และมีกำไรสูงขึ้น เพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้น และมีผู้สนับสนุนทางการเงิน มองเห็นว่าหุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพง มีโอกาสเติบโตได้ คุ้มกับความเสี่ยง ในการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งธุรกรรมการกู้เงินมาซื้อหุ้น ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นี้ เป็นเรื่องปกติ ถ้าธนาคารหรือผู้กู้เข้าใจมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน

โดยเฉพาะหุ้น 29%ที่ซื้อมา แต่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เพราะเป็น controlling stake ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเชีย ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด เป็นอันดับสองของประเทศไทย รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่าที่เป็นวานิชธนกิจอันดับต้นของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

การซื้อหุ้นในครั้งนั้น ตนได้รับวงเงินสนับสนุนสองส่วน คือส่วนที่ซื้อหุ้น และส่วนที่ 2 ที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลืออีก 71% วงเงินทั้ง 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment และส่วนที่สอง จาก BIC Bank Lao ซึ่งเป็นธนาคารที่ถือหุ้น 70% โดยกลุ่มธุรกิจชาวลาว ชื่อ "Asia Investment and Financial Services Sole Co., Ltd." และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว EDL ในที่สุดไม่มีการกู้เงิน เพราะไม่มีผู้มาขาย

ซึ่งทั้ง BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรในอดีต จึงใช้ชื่อคล้ายกัน ตนไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าในปัจจุบันนั้นความเป็นเจ้าของ และการจัดการนั้น แยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Mr. Yim Leak 1%

หลังจากตนและคุณช่วงชัย เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัท โดยจ้าง MCKinsey & Co. เป็นที่ปรีกษา ทำ digital transformation จนผ่านไป 3 ปี ปลายปี 2567 ก็ขายหุ้นให้ช่วงชัย หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ในการถือหุ้น หรือในการบริหาร

ส่วนคุณช่วงชัย จะขายหุ้นให้ใคร หรือมีการเพิ่มทุนอีก ตนก็ได้ติดตามข่าว ซึ่งการที่บุคคลใดจะนำชื่อของตนในอดีต ไปเชื่อมโยงกับบุคคล หรือเครือข่ายใดในภายหลัง แต่ดูจากโครงสร้างปัจจุบันมีการเพิ่มทุน ทำให้หุ้นเดิม 29% หลุดไปเหลือ 17%

การคาดเดาอ้าง ว่าตนเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของ scammer ถือเป็น การใส่ร้ายป้ายสี และบิดเบือนข้อเท็จ

ทั้งนี้ ล่าสุด ยังได้เหิมเกริม ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จกับภรรยาของตน ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริบโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอยืนยันว่า ภรรยาของตนไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งในอดีต และปัจจุบัน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย

ย้ำว่า ตอนนี้เขาไปซื้อหุ้นของฟินันเซีย ต้นซื้อเพราะเข้าใจว่าธุรกิจเป็นอย่างไร และ 29% ใช้เงินไม่เกิน 700 ล้านบาทได้ควบคุมบริษัทที่ในอดีตเคยทำเงินได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งดูแล้วคุ้มจึงจับมือกับช่วงชัย

เพราะฉะนั้นขอปฏิเสธข้อกล่าวร้ายป้ายสีว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวกับกระบวนการสแกมเมอร์ใดๆ ประวัติการทำงานไม่เคยเฉี่ยวไปแม้แต่นิดเดียว สามารถตรวจสอบได้

ปัจจุบันตนรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

หลังจากนี้ ตนขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือน และเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้เสียชื่อเสียง และพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ตนเองใช้เบอร์มือถือเบอร์เดียวมาตลอด ไม่มีความลับ ใช้เครดิตการ์ดใบเดียว บัญชีก็ใช้ของกรุงไทยเป็นหลัก ตนเชื่อมั่นในหลักนิติธรรม และจะยืนหยัดในความจริง เพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคล และเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย

และยืนยันว่า จะไม่ขอ และจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญกรรมข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของตน อยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดมา

ท้ายสุด ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นขับเคลื่อน ภารกิจด้านเศรษฐกิจและการคลังของประเทศไทยเดินหน้าอย่างเต็มกำลังภายใต้ข้อจำกัดของเวลาที่รัฐบาลมีค่อนข้างน้อย และความคาดหวังของประชาชนที่มีสูง ต้นเจอนายกอนุทินทีไรก็จะบอกตนเองกับนายเอกนิติ ว่าให้ไปลงที่ชาวบ้านบ้าง เวลาเห็นหน้าชาวบ้านเราจะรู้สึกมี sense of responsibility มากขึ้น เป็นคำพูดที่ฟังแล้วขนลุก ว่าเวลาท่านเจอชาวบ้าน รู้สึกต้องมีความรับผิดชอบที่ดูแลประชาชน นี่จะเป็นสาเหตุที่อยากทุ่มเทเวลา

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีเวลามาจัดการเรื่องส่วนตัว เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องขับเคลื่อน แต่อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลเท็จ ตนจำเป็นต้องใช้เวลาและพลังเยอะ ในการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ไม่หวังดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของตนในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการคลังให้บรรลุผล

”ผมไตร่ตรองอยู่นาน และตัดสินใจว่า ผมจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลของผม กลายเป็นภาระหรือเงื่อนไข ที่อาจกระทบต่อ ความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาล การตัดสินใจครั้งนี้เป้าหมายสำคัญเพื่อยืนหยัด หลักความโปร่งใส และรักษาความเป็นอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศให้ปราศจากข้อครหา และไม่เปิดช่องให้ฝ่ายใด ใช้เรื่องส่วนตัวของผมมาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล ผมเชื่อมั่นว่าความโปร่งใส ความเป็นมืออาชีพ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลจะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในเวลาที่จำกัด”

ท้ายสุด ตนขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและข้าราชการ และประชาชนที่ไว้วางใจและสนับสนุนการทำงานของตนตลอดมา ตนจะยืนหยัดในหลักนิติธรรมและทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่รักและปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่างเป็นกำลัง

ส่วนการลาออกในครั้งนี้ได้แจ้งกับนายอนุทินชาญวีรกุลนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่นั้น นายวรภัค ระบุว่า ได้เกริ่นไปบ้างแล้วและท่านก็ได้ให้ตัดสินใจ เพราะท่านก็รู้ว่าภารกิจมีเยอะ พร้อมยืนยันว่าการลาออกครั้งนี้ไม่ได้ถูกกดดัน ซึ่งตนได้มาคิดแล้ว ตน อยากมาช่วยประเทศชาติแต่ก็ไม่เคยคิดจะมารับตำแหน่งทางการเมือง

สำหรับการชี้แจงในครั้งนี้ตนไม่ได้เตรียมการอะไรมากเพราะชี้แจงตามความจริงและชี้แจงในทุกประเด็น ซึ่งบางคนบอกว่าอย่าไปพูดถึงนายเบญจมิน แต่ตนรู้จักก็ยืนยันว่ารู้จัก แต่รู้จักในฐานะที่ลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ห้องเดียวกัน

ส่วนกรณีใครเป็นคนพานายยิ้มเลี้ยก มาให้รู้จักนั้น นายวรภัค ระบุว่า จำไม่ได้ว่าใครพามา เพราะนักธุรกิจไทยรู้จักนายยิ้มเลี้ยกเป็นจำนวนมาก และนานยิ้มเลี้ยกก็อยู่เมืองไทยมานานแต่งงานกับคนไทยและหากไม่มีปัญหาเรื่องไทยกัมพูชาก็คงอยู่เมืองไทยตามปกติ ทั้งนี้นายยิ้มเลี้ยก มาขอคำปรึกษาตนในการบริหารธนาคารแต่ไม่ได้สนิทสนมมาก และตนได้ให้คำปรึกษาด้วยวาจาไม่เคยไปรับตำแหน่งและไม่เคยได้รับค่าตอบแทนใดใด และตอนที่มีคนมาแจ้งว่ามีรูปตนขึ้นเป็นบอร์ดที่ปรึกษาตนเองเข้าไปดูรูปดังกล่าวก็ไม่อยู่แล้วแต่ตนไม่ได้ไปแจ้งให้เอาออกและไม่ทราบว่าใครแจ้ง

อย่างไรก็ตามย้ำว่าตนเพียงให้คำปรึกษาด้วยวาจาและไม่ทราบว่าลึกๆ นายยิ้มเลี้ยกทำธุรกิจอื่นๆอย่างไร เพียงแต่ทราบว่าพ่อเคยเป็นนักการเมืองและเป็นรองนายกฯของกัมพูชา และนายยิ้มเลี้ยกพูดภาษาอังกฤษดีมากเพราะเรียนมัธยมและปริญญาตรีที่ต่างประเทศ

ส่วนนายเบญจามินเท่าที่ตนสัมผัสเป็นคนที่รักลูกมาก ดูแลลูกอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องการศึกษา แล้วตนเข้าใจว่านายเบญจมินประสบความสำเร็จจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และนายเบญจามินมีความรู้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเป็นอย่างดีมาก ซึ่งตนมีการคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหุ้นต่างประเทศเท่านั้น

ส่วนที่มีการพาดพิงไปถึงภรรยาตนเองว่าได้รับผลตอบแทนเป็นเงินคริปโตยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งภรรยาตนไม่เคยมีแม้แต่บัญชีคริปโตไม่เคยไปลงทุนคริปโต ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น

นายวรภัค ระบุด้วยว่า จะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดทางกฏหมายนายทอม ไรต์ ผู้สื่อข่าว ซึ่งออกมาเปิดเผยบทความใส่ร้ายป้ายสีที่พาดพิงทำให้ตนได้รับความเสียหายและสื่อที่นำบทความดังกล่าวมาขยายความ

เมื่อถามว่าจะดำเนินการฟ้องร้องธนาคาร BIC ที่นำรูปนายวรภัคไปอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ นายวรภัค ระบุว่า คงไม่เพราะได้เข้าไปตรวจสอบที่เว็บไซต์ดังกล่าวแล้วพบว่ารูปได้ถูกลบออกไปแล้ว

ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องนายทอมไรต์ จะมีการประสานไปที่นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ซึ่งทีมทนายความของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายเบญจมินหรือไม่ นายวรภัคระบุว่า คงไม่ได้คุยกัย

ภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อว่าและได้แจ้งนายกฯ แล้วหรือยัง คุณวรพัฒน์บอกว่าแจ้งไปแล้วเมื่อเช้า แต่ยังไม่ได้ยื่นใบลาออก ซึ่งต้องไปดูระเบียบราชการว่าต้องทำอย่างไร

เมื่อถามว่าแล้วตัวคุณวรภัค ว่าได้มีการซื้อกองทุนซีเอไอด้วยหรือไม่ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยถือหุ้นอะไรที่เป็นสินทรัพย์อะไรเลย เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะต่อสู้เรื่องนี้อย่างไรบ้าง คุณวรภัค บอกว่า เต็มที่ ตอนนี้มีเวลาแล้ว

Advertisement

แชร์
ด่วน! “วรภัค” ประกาศลาออก รมช.คลัง ยันไม่เกี่ยวข้องสแกมเมอร์