Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
นายกฯ ถกปราบสแกมเมอร์ ไฟเขียวใช้ยาแรงตัดเน็ตได้ทันที

นายกฯ ถกปราบสแกมเมอร์ ไฟเขียวใช้ยาแรงตัดเน็ตได้ทันที

20 ต.ค. 68
19:33 น.
แชร์

นายกฯ ถกลับปราบสแกมเมอร์ ยึดโทรศัพท์ ไฟเขียวใช้ยาแรงตัดเน็ตได้ทันที ขู่นักการเมืองเอี่ยว ไม่สนชื่อ-ตำแหน่ง ตกใจคนที่เคยไม่ให้สัญชาติ โยงสแกมเมอร์

วันที่ 20 ต.ค.2568 เวลา 16.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม , พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม , พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

สำหรับบรรยากาศก่อนเข้าประชุม นายกรัฐมนตรี ได้ให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่พร้อมเก็บใส่ถุงพลาสติกด้านนอก เพื่อเป็นการยืนยันว่าการประชุมในครั้งนี้เป็นความลับข้อมูลต้องไม่รั่วไหล

โดยเวลา 18.00 น.ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง นายอนุทิน แถลงผลการประชุม ว่า เราได้ประชุมรวมกันเพื่อให้ทุกหน่วยได้รับทราบว่าขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก ดังนั้นรัฐบาลต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติเช่นกัน เพื่อให้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.68) เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการบูรณาการงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหานี้ และเราได้รับทราบว่าหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่มีบันทึกออกมาว่าได้จับกลุ่มยึดทรัพย์ ยึดเงิน  ดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดก็จำนวนมาก และมูลค่าเงินระดับหมื่นล้านบาท เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์ เพราะต่างคนก็ต่างทำงาน ขอย้ำกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉยจะดำเนินการสั่งให้เข้มข้นมากขึ้น

ส่วนกระแสข่าวว่าขณะนี้สแกมเมอร์ มาตั้งสำนักงานในกรุงเทพมหานครแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ทราบ มีอยู่ทั่วไปแต่ฐานหลักยังอยู่อีกฝั่ง วันนี้ทางเลขาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยืนยันว่าสัญญาณต่าง ๆ ที่ส่งไปฝั่งโน้นในทางตรงได้ปิดหมดแล้ว แต่เหมือนจะไปอ้อมหรือนำสัญญาณโรมมิ่งที่ไหนมาใช้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องขอความร่วมมือกับประเทศต้นทาง และต้องแจ้งทางกัมพูชาซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไข ที่ต้องพูดคุยเรื่องสันติ และทางกัมพูชาต้องดำเนินการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนกระแสข่าวตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหาความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มมิจฉาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทา นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง ซึ่งตอนนี้ จะมีคณะอนุกรรมการไม่เกิน 5 ชุด โดยมีการเสนอเข้ามาหลายชุด อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงยุติธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะตั้งคณะอนุกรรมการแต่ละชุดและมาผนึกกำลังกัน ซึ่งยังไม่มีชื่อของใคร ให้อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นเลขาธิการของคณะกรรมการชุดนี้ ไปรวบรวมรายชื่อมาเสนอ และถูกแต่งตั้งโดย นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนจะพิจารณาจากรายชื่อ

ส่วนจะมียาแรงออกมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เลขาธิการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยืนยันว่า ขณะนี้ถ้าจะตัดหรือปิดสัญญาณ หรือไม่สนับสนุนพลังงานด้านใด ให้หน่วนงานต้นสังกัดสามารถดำเนินการหยุดให้บริการหรือหยุดให้การสนับสนุน หรือหยุดซัพพลาย ของสิ่งที่จะไปทำให้คนทำผิดกฎหมายได้ทันที เพราะมีมติคลุมเรื่องไว้แล้ว ซึ่งถือเป็นยาแรง และสั่งให้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องรอ

ถ้าเป็นการทำให้เป็นการไปสนับสนุนก็สามารถตัดได้เลย ไม่ต้องรอประชุม สมช.โดยในพื้นที่หลัก ๆ คือฝั่งขวาก่อน

ขณะที่การดำเนินการเรื่องกระแสข่าว 7 นักการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้อง นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.68) ก็นั่งรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมาจากต้นตอของข่าว แต่กลายเป็นว่าสถานเอกอัคราชทูตเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นข่าวไม่จริง แต่เราต้องเฝ้าระวังไว้ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลหลักฐาน เส้นทางการเงิน เรามีทั้ง ป.ป.ง. สตช. ติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ยืนยันว่า จะไม่ดูว่าชื่ออะไรหรือตำแหน่งอะไร ถ้าพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดอย่างชัดเจน ถ้ามีหลักฐานของการกระทำผิดขึ้นมา ไม่ดูชื่อ ใครผิดก็ต้องดำเนินการ”

จากการประชุมมีข้อมูลอะไรที่นายกรัฐมนตรียังไม่เคยทราบและตกใจบ้าง นายอนุทิน ระบุว่า มีผู้กระทำผิดที่ถือสัญชาติไทย และถือสัญชาติอื่น ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่เคยเป็นข่าวว่า ตนไม่อนุมัติสัญชาติไทยให้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครองดำเนินการ เรื่องการถอนสัญชาติ พร้อมระบุว่า คนถือ 2 สัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาขอสัญชาติไทย แต่ถือสัญชาติอื่นก็ไม่ต้องไปดูพฤติกรรมอื่น ตรงนี้ก็ผิดอยู่แล้ว และย้ำว่า เป็นบุคคลที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์และเครือข่ายอื่น ๆ

ส่วนจะต้องขอรายชื่อ 7 นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ จากการเปิดเผยของฝ่ายค้านหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า หากมีข้อมูลขอให้เปิดเลย จะได้ง่ายไม่ต้องไปคาดเดาหรือดำเนินคดีใครแบบผิด ๆ ถูก ๆ ยิ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบยิ่งต้องทำ ไม่ต้องรอการอภิปราย

ส่วนจะเป็นข้อมูลสำคัญพิจารณาปราบปรามหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า หากพฤติกรรมผิดกฎหมาย เชื่อมโยงกับใครก็ต้องดำเนินคดี เพราะวันนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติ เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะทำให้การเจรจากับนานาประเทศนั้นเสียเปรียบ

นอกจากนี้ นายอนุทิน เปิดเผยว่าในที่ประชุมร้องขอให้เพิ่มคณะกรรมการ ทั้งอัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งปลัดกระทรวงอื่น ๆ ตนได้ให้เลขาธิการยกร่างคำสั่งดังกล่าวมาพิจารณาแล้ว และจะมีการประชุมตามวาระที่เราจำเป็นต้องประชุม

 

 

Advertisement

แชร์
นายกฯ ถกปราบสแกมเมอร์ ไฟเขียวใช้ยาแรงตัดเน็ตได้ทันที