วันที่ 17 ต.ค. 2568 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากทบทวนประมวลเหตุผลจากสิ่งต่างๆ ที่ตนเจอมา ตนได้ตัดสินใจจะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อด้วย โดยให้ทีมงานนำเอกสารใบลาออกไปยื่นแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้ไม่เกี่ยวกับการที่พรรคเพื่อไทยต้องเป็นฝ่ายค้านหรือเผชิญกระแสตกต่ำในช่วงนี้แต่อย่างใด แต่เหตุผลมาจากปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 คือเรื่องการบริหารจัดการภายใน ซึ่งเชื่อว่า สส.ในพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ก็อึดอัดใจกับสถานการณ์ในพรรคที่เกิดขึ้น รับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ เพราะการจัดลำดับความสำคัญของพรรคมีปัญหาค่อนข้างมาก ตอนที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลปัญหาจึงไม่ถูกนำมาพูดถึง และผู้บริหารพรรคมองไม่เห็นทั้งที่มีผลการเลือกตั้งทั้งในระดับ สส. หรือในระดับท้องถิ่น ก็ฟ้องอยู่ว่า พรรคเพื่อไทย ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งตนเคยมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการมาโดยตลอดก่อนจะถูกลดบทบาท กระทั่งไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือเสนอแนะใดๆ ได้เลย อย่างที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพรรค ที่การเลือกตั้งล่าสุด พรรคเพื่อไทยได้ สส.เพียง 2 เขตจาก 10 เขตเลือกตั้ง ขณะที่คะแนนบัญชีรายชื่อก็ตามหลังคู่แข่งเป็นแสนคะแนน ถือเป็นจุดบ่งชี้ชัดเจนว่า กำลังเดินผิดทาง
“พื้นที่เชียงใหม่ เรายึดครองมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย มาวันนี้เอาตัวแทบไม่รอด จุดเปลี่ยนก็คงตั้งแต่พรรคเปลี่ยนผู้สมัครนายก อบจ. (นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด) เมื่อปี 2563 แม้จะระดมทุกองคาพยพจนชนะมาได้ 2 สมัย แต่ตัวนายก อบจ.เชียงใหม่ (นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร) ก็ยังทำงานแบบไม่เห็นหัวใคร ไม่เคยประสาน สส. หรือผู้สมัคร สส.ของพรรคที่ไม่ใช่พวกตัวเอง มันก็เลยพังอย่างที่เห็น และจุดแตกหักสุดท้าย คือกรณี จ.ลำพูน ที่เขต 1 ที่นายสงวน พงษ์มณี ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย แพ้ให้กับคู่แข่งแบบขาดลอย ในปี 2566 และยังมีผลมาถึงสนามท้องถิ่นเลือกนายก อบจ. เมื่อต้นปี 2568 หนนี้ผู้ใหญ่ในพรรคได้มอบหมายให้ตนไปเฟ้นหาผู้ที่มีศักยภาพ เพื่อเสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. เขต 1 จ.ลำพูน กระทั่งได้คนที่ตนมีความเห็นว่ามีความเหมาะสม เชื่อว่าสามารถทวงเก้าอี้ สส.เขต 1 จ.ลำพูน คืนให้กับพรรคได้อย่างแน่นอน จึงชักชวนกันเรียบร้อย และให้เริ่มทำพื้นที่ทันที ได้เสียงตอบรับที่ดีกระทั่งมาทราบว่าทางพรรคตัดสินใจเลือกคนอื่นเป็นผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.เขต 1 จ.ลำพูน โดยที่ไม่แม้แต่จะนำชื่อคนที่ตนไปชักชวน เข้าไปเป็นตัวเลือกในการพิจารณาด้วยซ้ำ ผู้มากบารมีในพรรคบางคนเข้ามาล้วงลูก สั่งการจะเอาคนนั้นคนนี้ลง สส. โดยไม่มีการทำโพล หรือวิเคราะห์มิติการเมืองแต่อย่างใด ไม่ใช่แค่จังหวัดลำพูน ยังมีอีกหลายพื้นที่หลายจังหวัดต่างๆ ที่ปฏิบัติแบบนี้ วันที่กระแสพรรคเป็นเช่นนี้ การวางตัวผู้สมัคร สส.ย่อมต้องละเอียดมากที่สุด จะทำกันแบบเดิมๆ ไม่ได้ หากมีเหตุมีผล พิจารณาแล้วคนของผมไม่มีศักยภาพเพียงพอ หรือมีคนอื่นที่ดูดีกว่า ก็ต้องมาทำความเข้าใจกัน แต่นี่จะเปิดตัวอยู่รอมร่อ ไม่มีใครบอกกล่าวผมเลย เท่ากับไม่ให้เกียรติกันอย่างชัดเจน ก็คงต้องทางใครทางมัน” นายสมพงษ์ กล่าว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวยืนยันว่า การตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจเพียงลำพัง ไม่ได้หารือหรือแจ้งให้ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ บุตรชาย ที่มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ทราบแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ครอบครัว วันนี้ นายจุลพันธ์ ก็ถือว่ามีความอาวุโสทางการเมืองพอสมควร และมีแนวทางการเมืองที่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่อยากให้มองว่า ตนทิ้งพรรคเพื่อไทยในวันที่พรรคตกต่ำ แต่เป็นฝ่ายที่เลือกจะถอยออกมาเอง เพราะที่ผ่านมาได้ทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความปรารถนาดีกับพรรค และกับครอบครัวชินวัตรมาโดยตลอด ยอมรับว่าใจหายและเสียใจอย่างยิ่ง เพราะได้ร่วมบุกเบิกมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เมื่อถามถึงอนาคตทางการเมือง นายสมพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวอายุ 84 ปีแล้ว ในความเป็นจริงก็คิดที่จะพักผ่อน และปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่มีพละกำลังในการขับเคลื่อนประเทศมากกว่า แต่ก็มีหลายๆ เรื่องที่ยังคั่งค้าง อยากจะผลักดันให้คนเชียงใหม่ และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ก่อนที่จะวางมือทางการเมือง หรือหากมีใครเห็นความสำคัญในความรู้ประสบการณ์ที่มีของตน ที่อาจไปช่วยเสริมในบางมิติให้กับนักการเมืองรุ่นลูกรุ่นหลาน ในลักษณะที่ปรึกษา หรือบทบาทที่เหมาะสมอื่นๆ ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ก็มีความพร้อมและยินดี แต่ยืนยันว่าไม่ได้ถูกพรรคไหนดูด เพราะแม้จะมีคนรู้จัก และสนิทสนมคุ้นเคยกับหลายพรรคการเมือง แต่คงไม่มีพรรคไหนกล้ามาดูดผมแน่นอน
“สุดท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รวมถึงอดีต นายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างสูง ตลอดจนผู้ร่วมอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย และขอส่งกำลังและความปรารถนาดีไปยังทุกท่านที่ร่วมเดินทางกันมา ขอให้ทุกท่านโชคดี และประสบความสำเร็จในเส้นทางการเมือง” นายสมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement