"ธนพร" ปูดเพื่อไทยดีล "วราวุธ" นั่งปาตี้ลิสต์ลำดับ3 เหมาะแคนดิเดตนายกฯ
"ธนพร" ปูดเพื่อไทยดีล "วราวุธ" นั่งปาตี้ลิสต์ลำดับ3 ชี้มีเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกฯ เผยอาจใช้โมเดลพลังชล ชี้อยู่พรรคเดิมคงฝันถึงตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้
วันที่ 9 ต.ค. 68 นาย ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย กล่าวถึงกระแสข่าวนาย วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อาจย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและ สส.บัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งทุกคนรู้จักกัน มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน อาจมีการทาบทาม มีการดีล หยั่งเสียงหยั่งเชิงกันถือเป็นเรื่องปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีนายวราวุธ ต้องยอมรับโดยเฉพาะผลงานที่ออกมาตอบโต้อังเคิล สมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในสมัยเป็นอดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เข้าหูเข้าตาประชาชน ซึ่งวันนี้คนที่เสียหายที่สุดจากกรณีคลิปเสียงอังเคิล คืออดีตนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และลามไปถึงพรรคเพื่อไทย ดังนั้นคำถามคือพรรคเพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร ถ้าเอาผลตระกูลชินวัตรมาเป็นหัว ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ แต่หากเป็นนายวราวุธ ต้องถามว่าตอบโจทย์ไม่ตรงตรงไหน เพราะภาษาอังกฤษดี และการออกตอบโต้สมเด็จฮุนเซน ก็ทำอยู่กระทรวงเดียว ในขณะนั้นรมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ยังไม่ทำเหมือนกับนายวราวุธ ดังนั้นคุณลักษณะคือคำตอบที่เหมาะสมประการที่หนึ่ง
ประการที่ 2 นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนายใหญ่ ซึ่งมีความผูกพันกันมา ประการที่สาม โมเดลลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งสมัยก่อนมีกลุ่มชลบุรี มีพรรคการเมืองชื่อพลังชล แต่ต่อมาเข้ามาร่วมงานพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคพลังชลก็ยังคงอยู่ ฉะนั้นแล้วทั้งสามประการที่ตนพูดมาเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้น จึงมีการประสานงานกันเกิดขึ้น ซึ่งอยากให้สังคมช่วยจับตาดูว่าเรื่องนี้จะดีลกันจบหรือไม่ แต่ที่มีการพูดคุยกัน คือเข้าไปเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 3 และยังรวมนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ขณะที่ สส.สุพรรณบุรี ที่เหลืออยู่จะไปสังกัดพรรคสีน้ำเงิน
“หากถามว่านายวราวุธ เหตุใดไม่ไปพรรคสีน้ำเงิน เพราะนายเนวิน ชิดชอบ และนายบรรหาร มีความหลังกันเมื่อในสมัยนายบรรหาร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงขนาดไม่อยากส่งนายเนวิน ลงสส. ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา นายเนวินถึงไปหาพรรคสังกัด ซึ่งคนที่เขาเกรงใจคือ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ เนื่องจากสามารถไปต่อทางการเมืองได้เพราะพรรคเอกภาพ ประเด็นต่อมา สส. ที่เคยอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา เช่น บ้านใหญ่อ่างทอง ออกจากพรรคมามีเรื่องราว และนายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นมือขวานายอนุทิน และเป็นรัฐมนตรีที่ดูงบประมาณ แล้วนายวราวุธจะไปพรรคสีน้ำเงินได้อย่างไร“
นอกจากนี้ยังย้ำด้วยว่านายวราวุธ สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว เพราะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และ น.ส.แพทองธาร บอกเองว่ารอบนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไม่มีคนตระกูลชินวัตร นอกจากนี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ไม่ได้ใช้นามสกุลชินวัตร หากตีความตามตัวอักษรอย่างเคร่งครัดเคร่ง สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ แต่ถ้าเอาตามความรับรู้ทางการเมือง ก็ถือว่าเป็นครอบครัวชินวัตร ฉะนั้นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจให้ดี แต่ตนมั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร ไม่เอาคนในตระกูลชินวัตรหรือคนในครอบครัวมาเป็นแน่นอน ดังนั้นตัวเต็งคือ นายสุริยะ นายวราวุธ
ส่วนขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เกิดขึ้น อาจจะเสียมากกว่าได้ นายธนพร กล่าวว่า ตนมองว่าไม่จริง ให้ดูจากการนำมืออาชีพเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอนุทิน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยบอบช้ำจากคลิปอังเคิล แต่เมื่อมีรัฐมนตรีหน้าตาดีๆ เข้ามา แจ้งเกิดกันทุกคน แต่เรื่องนี้ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของนายวราวุธ ส่วนมาจริงจะช่วยกู้ภาพลักษณ์พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย แต่รวมถึงเส้นทางการเมืองของนายวราวุธ ซึ่งหากยังอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา ฝันถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ถ้ามาพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็มีโอกาสที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ๆ ซึ่งนายวราวุธ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นรัฐมนตรีที่มีความสามารถ และประชาชนให้การยอมรับ ดังนั้นอาจมีโอกาสแสดงฝีมือที่กระทรวงมหาดไทย คมนาคม เกษตรฯ ซึ่งเป็นเส้นทางการเมืองของเขา ซึ่งหากให้ตนวิเคราะห์บอกว่าไม่มีอะไรที่เสียหายกับนายวราวุธ แต่เป็นกำไร
ส่วนจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย หรือไม่ได้รับการยอมรับหรือไม่นั้น นายธนพร กล่าวว่า คงไม่มี เพราะนายบรรหาร ความสนิทสนมกับนายทักษิณ และยังเป็นแรงบันดาลใจของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นหากนายวรวุธ มาพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์แน่ๆ และจะสามารถเป็นตัวเปลี่ยนผ่านพรรคเพื่อไทยจากพรรคที่ล้าสมัยให้ทันสมัยขึ้นได้
Advertisement
