อนุทิน ยืนยันไม่ได้เพิกเฉยต่อเขมร แค่ปิดด่านยาวๆฝั่งโน้นก็แย่แล้ว
อนุทิน ยืนยันไม่ได้เพิกเฉยต่อเขมร ที่เขาไม่มีการยิงหรือรุกแดนเหมือนแต่ก่อน เพราะเราเด็ดขาด พร้อมตอบโต้จัดหนัก แค่ปิดด่านยาวๆฝั่งโน้นก็แย่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์ ทางไกล กับนายอี แจ-มย็อง ประธานาธิบดี แห่งสาธารณรัฐเกาหลีวันนี้ว่า เป็นเหตุบังเอิญ ที่ตรงกับวัน ที่เดินทางมาเยือนลาวพอดี เกาหลีใต้ได้ติดต่อว่าจะโทรเข้ามา เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจะหารือเบื้องต้น เกี่ยวกับการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพ
ส่วนเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การนัดครั้งนี้เกิดขึ้นก่อน แต่จะหารือเพื่อหาช่องทางและโอกาสที่จะ ร่วมมือช่วยกันปราบปราม สแกมเมอร์ที่กำลังเกิดขึ้นในกัมพูชา และทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน ทั้งเกาหลีใต้ และประเทศไทย เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ส่วนท่าที ของเราจะเป็นอย่างไรหลังเกาหลีใต้มีท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่ไทยได้ปฏิบัติและดำเนินการมาตลอดถือว่ามีความแข็งขันมาก เพียงแต่ว่าเราอาศัย วิธีทางการพูด การเจรจาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ แต่ในขณะเดียวกัน เราทำให้เกิดความมั่นใจว่า ดินแดนหรืออธิปไตยของไทย จะไม่มีวันถูกคุกคามหรือรุกราน เป็นอันขาด สิ่งที่เกิดมาระยะหนึ่งแล้ว ประชาชนทั่วไปอาจจะมองว่า ประเทศไทยของเราเพิกเฉย หรือไม่ได้ทำอะไรแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ ทุกวันนี้ไม่มีการยิงไม่มีการต่อสู้ ไม่มีการรุกราน ข้ามพรมแดน เข้ามาแสดงให้เห็นว่า เราทำให้คู่กรณีรับทราบว่าถ้าเขายังดำเนินการที่เป็นการคุกคามประเทศไทยเขาก็อาจจะถูกจัดหนัก การที่ทุกอย่างเงียบสงบเพราะเราได้แสดงความพร้อม และความเข้มแข็ง เด็ดขาดพร้อมตอบโต้ผู้ที่มาคุกคามอธิปไตย ในขณะเดียวกันเราก็พร้อมที่จะเจรจา เพื่อนำไปสู่สันติสุขและสันติภาพของทั้ง 2 ประเทศ เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะอยู่กันไปแบบนี้ ไปโดยตลอด ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ แต่สิ่งที่จะทำให้ เราเกิดความมั่นใจคือประชาชนของเราต้องปลอดภัย อธิปไตยของเรา ต้องไม่มีการรุกราน หรือรุกล้ำ ดังนั้น ทุกวันนี้เราพร้อมที่จะพูดคุยทางการฑูตต่อ แต่เราก็มีเงื่อนไขจะต้องมีการปฏิบัติ โดยฝั่งกัมพูชา ต้องทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นว่า เขาพร้อมที่จะเดินไปสู่ สันติภาพพร้อมเรา เขาต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เช่นการถอนกำลังทหารตามแนวชายแดนออกไป การเก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดน การจัดการการดำเนินคดีปราบปราม อาชญากรรมสแกมเมอร์ หรืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งทรัพย์สินและชีวิต ของประชาชนคนไทย และในเรื่องของการสร้างความชัดเจน ในเรื่องของเขตแดนว่าตรงไหนเป็นของใคร จะต้องมีความชัดเจนไม่มีข้อสงสัย เพื่อทำให้ความขัดแย้งหรือทะเลาะเบาะแว้งหมดไป นี่เป็น4ข้อแรกที่เราได้เสนอ ว่านี่คือเงื่อนไขของประเทศไทย ซึ่งก็ชัดเจนว่าคู่กรณี ไม่ปฏิบัติตามนี้ เราก็จะไปต่อจากนี้ไม่ได้
" การที่ผมไม่ได้ทำอะไร แต่การปิดด่าน ถือเป็นมาตรการที่รุนแรงมาก ประเทศไทยอาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่แต่ สำหรับกัมพูชา การปิดด่านคือสิ่งที่ทำให้เกิดต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และความไม่สะดวกต่างๆเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร ประเทศได้ 2 สัปดาห์ ยังยึดมั่นแนวทางนี้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และสิ่งที่เราได้มอบอำนาจเต็มให้กับกองทัพ ในการบริหารสถานการณ์ด้านความมั่นคง เป็นสิ่งที่กองทัพ มีความมั่นคง มีความสะดวกในการตัดสินใจต่างๆ และไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะมีอำนาจรัฐใดๆ มาทำให้ กองทัพเกิดความไขว้เขวหรือชะงัก ในสิ่งที่กองทัพได้ใช้ดุลยพินิจตัดสินใจไป สิ่งเหล่านี้ คือความชัดเจน" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเจรจาทางการทูตก็เช่นกัน กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจ ในการไปดำเนินการ เพื่อหาข้อตกลง ที่จะทำให้ เกิดความสงบได้แต่ประเทศไทย จะไม่เกิดความสูญเสีย ประโยชน์ใด
ส่วนสถานการณ์เช่นนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การสงครามหรือความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ ไม่สามารถจบได้ในระยะเวลาอันสั้น ดูได้จากความขัดแย้ง จากทั่วโลก เช่นตะวันออกกลางที่มีสงครามตะวันออกกลาง ความขัดแย้ง ในยุโรปตะวันออก โซเวียตกับยูเครนที่ผ่านไป 2 ปีแล้ว ทุกอย่างก็เป็น ไปตามนี้ แต่ตนมั่นใจว่าสำหรับประเทศไทยและกัมพูชาจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ เราก็ยังมี ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม คงไม่มีใครที่จะอยากอยู่ในสภาพนี้ ในขณะที่ภูมิภาคอาเซียน มีโอกาสอย่างยิ่งในการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ มีการเจริญเติบโต และสร้างรายได้ให้กับประชาชน
ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาเสนอตัวเป็นตัวกลางจะยิ่ง ทำให้ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาขยายวงกว้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้ ปิดกั้นหรือ ปฏิเสธความปรารถนาดีของมิตรประเทศ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ไม่มีใครชื่นชม กับประเทศที่จะมีความขัดแย้ง และมีโอกาสที่จะปะทะกันด้วยกำลังทหาร ก็มีคนยื่นมือเข้ามา ไกล่เกลี่ยเจรจาความขัดแย้งต่างๆ แต่ประเทศไทยเรายังคงยืนยันในจุดยืน และความแน่วแน่ในการรักษาอธิปไตย ของประเทศของเรา อย่างสุดชีวิต
ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้ามาเป็นตัวกลางและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังจะมีผลกระทบกับเรื่องภาษีสหรัฐหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าเขาต้องเข้าใจ เรื่องพวกนี้เราสามารถอธิบายให้เห็นว่า ประเทศไทย เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำประเทศไทยไม่เคยเป็นผู้รุกราน และอยู่ในกติกาของโลกมาโดยตลอด แต่ก็มีความจำเป็นที่ประเทศไทย ต้องมีมาตรการต่างๆในการรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนของเรา
Advertisement
