วันที่ 16 ต.ค.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า เราต้องไม่ลืมว่ากัมพูชาทำอะไรกับพลเรือนไทย ทำอะไรที่ละเมิดกฏหมายมนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาชนไทย และกระทบต่อทหารไทยอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา ผมเชื่อว่ากัมพูชาจะใช้เวที IPU มาโกหกชาวโลกอีก เราก็ต้องเตรียมตัวให้ดีใช้เวทีระหว่างประเทศให้ทั้งโลกได้เห็นด้วยครับ ระหว่างวันที่ 17-23 ต.ค.68 นี้ ผมจะเดินทางไปเข้าร่วมประชุม สหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union) หรือ IPU ที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และเข้าร่วมประชุม คณะกรรมาธิการด้านการส่งเสริมการเคารพต่อกฏหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมของสหภาพรัฐสภาโลก IHL-IPU ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่
หัวข้อสำคัญในการประชุม IPU ครั้งที่ 151 ปีนี้ให้ความสำคัญกับ Humanitarion Norms การปฏิบัติตามหลักการมนุษยธรรม แน่นอนว่าผมจะนำเสนอข้อเท็จจริงที่กัมพูชาได้ละเมิดกฏหมายมนุษยธรรมกับไทย ในช่วงสถานการณ์สู้รบเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อพลเรือน และผมได้ลงพื้นที่รวบรวมหลักฐานด้วยตัวเองเมื่อเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม ที่ผ่านมา
ในฐานะกมธ.IHL ที่นั่งผมนั่งอยู่ จะใช้โอกาสนี้หารือกรณีกัมพูชาละเมิดกฏหมายมนุษยธรรมต่อไทย และหัวข้อสำคัญของการประชุม IPU ปีนี้เป็นเรื่องมนุษยธรรม Humanitarion Norms ที่เชื่อว่ากัมพูชาจะใช้เวทีนี้มากล่าวหาไทยอีกเหมือนหลายเวทีที่ผ่านมา เราก็ต้องใช้เวทีนี้ตอบโต้และยืนยันถึงการกระทำของกัมพูชาที่กระทำต่อพลเรือนของไทย
เราต้องใช้เวที IPU ที่เน้นย้ำถึงการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม ไทยจะต้องเตรียมตอบโต้การแถลงของกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ซึ่งไทยต้องเน้นย้ำการเคารพกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กฏหมายจารีต อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวาที่กัมพูชาละเมิดการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลกระทบต่อทหารไทย การใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 โจมตีพลเรือนและโรงพยาบาลของไทย ประชาชนคนไทยเสียชีวิตถึง 15 คน
และยิ่งกว่านั้น เราต้องเตรียมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ที่สุดท้ายทั้งสองประเทศต้องมีความเห็นพ้องต้องกันในการนำมาซึ่งสันติภาพและการพัฒนาร่สมกันอย่างยั่งยืน เพื่อประชาชนบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง และความมั่นคงในอนุภูมิภาคนี้ และรวมถึงความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นภัยคุกคามต่อโลกใบนี้
นอกจากนี้ผมได้รับเชิญจาก UNDP ให้เข้าร่วมประชุมระหว่าง IPU-UNDP ในวันที่ 24 ต.ค.68 ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องการเสริมสร้างประชาธิปไตย สู่การสนับสนุนรัฐสภาที่มีความยืดหยุ่นอย่างสอดคล้องและแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะเน้นถึงปัญหาสภาพแวดล้อมสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในทางการเมือง ความมั่นคง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเกิดขึ้นของภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่นจากปัญญาประดิษฐ์ AI และภัยคุกคามออนไลน์ ทำให้รัฐสภากลายเป็นศูนย์กลางของความหวังที่เพิ่มขึ้นของประชาชน
เป็นโอกาสที่ดีครับที่ผมมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมนี้จะได้มีโอกาสแสดงให้เห็นบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภาไทย ที่ผ่านมาแม้ผมจะเป็นเพียงฝ่ายค้าน เสียงเดียว แต่งานหลายอย่างที่ขับเคลื่อนผ่านสภาผู้แทนราษฏร ก็เป็นผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาและเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง อย่างเช่นภัยคุกคามจากสแกมเมอร์ที่ถูกผลักดันอย่างจริงจังในเวทีสภาผู้แทนราษฏร
และเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ผมได้เข้าร่วมประชุมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ที่หารือถึงการเแก้ไขปัญหาความยั่งยืนต่อผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นทั่วโลกกว่า 100 ล้านคน เป็นการประชุมที่ UNHCR ร่วมกับ Peace University Of United Nations มีเชิญผู้แทน ผู้ลี้ภัย หัวหน้าสำนักงานที่เป็นกลไกผลักดันปัญหา
ผมเป็น 1 ในตัวแทน 5 ประเทศเอเชีย ที่ทางคุณรูเวน ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ UNHCR ซึ่งเคยอยู่ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ฯในประเทศไทย เชิญผมร่วมประชุมด้วย ผมได้ยกตัวอย่างที่รัฐบาลไทยได้ให้สิทธิการทำงานกับผู้ลี้ภัยเมียนมา 9 แห่ง ใน 4 จังหวัด จำนวนกว่า 4.8 แสนคน การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ที่ให้สถานะมีถิ่นที่อยู่ถาวรและสัญชาติไทย กับบุคคลที่ได้รับการสำรวจแล้วกว่า 4.8 แสนคน เป็นการยุติการไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งประเทศไทยได้รับคำชื่นชมอย่างมาก
ที่ประชุมชื่นชมและยินดีกับทั้งสองนโยบายที่ประเทศไทยได้สร้างเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งตนได้เน้นย้ำไปแล้วว่า ทั้งสองเรื่องเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานและการยุติการไร้รัฐไร้สัญชาติครับ
Advertisement