(14 ต.ค. 2568) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่พรรคการเมือง 3 พรรคเสนอมา ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย
นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ร่วมอภิปรายว่าในวันนี้ทุกคนอภิปราย เห็นชอบตรงกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหา ตนเองเป็นนักการเมืองมือใหม่ เมื่อ ปี 66 เห็นผลกันเลือกตั้งมา ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มีปัญหา ทำให้พรรคการเมืองที่ได้เป็นที่ 1 ไม่สามารถเป็นผู้นำรัฐบาลได้ ซึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาทั้ง 2 คน ทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช่หรือไม่ ที่ทำให้องค์กรอิสระมีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศประเทศไทย ในนามของกฎหมายที่สูงสุดของประเทศ เราไม่ต้องพูดถึงหลายๆ เรื่อง ตนเองเป็นคนทำงานชายแดนหน้าปัจจุบันนี้มาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับการตีความ เรื่องเกี่ยวกับการทำ MOU ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย และกัมพูชา ที่กำลังมีปัญหาอยู่ ณ ปัจจุบัน สรุปว่าจะต้องให้รัฐบาลเป็นผู้เสนอในการยกเลิก MOU หรือจะต้องทำประชามติ หรือรัฐสภามีหน้าที่ในการพิจารณาตรวจสอบ มาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญการกระทำใดๆ ก็ตามที่มีผลกระทบต่อธิปไตยของประเทศไทยรัฐสภามีอำนาจในการตรวจสอบ
แต่สุดท้ายรัฐรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีนโยบาย จะทำประชามติในการยกเลิก MOU 43 และ 44 นี่คือปัญหาที่ทำให้พวกเรามานั่งกันอยู่ทุกวันนี้ ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา ตนเองจะต้องเห็นชอบในหลักการของทั้ง 3 ร่าง เพราะจริงๆ แล้วเรามีเจตจำนงร่วมกัน คือการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มาจากประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นก้าวแรกของการคืนอำนาจพี่น้องประชาชน และหวังว่า ไม่อยากเห็นการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองในการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับออกมา แล้วบอกว่าใครจะสามารถเลือก สสร. เข้ามาได้ ซึ่งแท้จริงแล้ว ต้องให้ประชาชนเป็นคนร่างการเลือกตั้งของประชาชน แต่เพราะรัฐธรรมนูญมีปัญหาองค์กรอิสระ มีอำนาจมากเหลือเกิน วันนี้ต้องมานั่งพูดคุยว่าจะเอาเงื่อนไขอะไร จะใช้กระบวนการไหน ซึ่งถือเป็นปัญหา เราจึงจำเป็นที่จะต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน
นายกัณวีร์ ระบุว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ตนเองเลือกพี่น้องประชาชน ที่ต้องการรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีส่วนร่วม และร่างด้วยมือของพวกเขาเอง ต้องยอมรับว่าวิกฤตทางการเมืองในประเทศไทย จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าประเทศไทยขาดรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2475 เราไม่เคยขาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงประชาธิปไตยเต็มใบ ครึ่งใบ กึ่งใบ หรือไม่เคยมีประชาธิปไตยเลยก็มีการร่างขึ้นมาใหม่เราไม่เคยขาดรัฐธรรมนูญแต่สิ่งที่เราขาดเรื่องเดียวที่เราไม่มีคือความไว้วางใจในกติกา ที่เป็นกติกากลางของชาติที่เป็นสัญญาทางสังคม ที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ
ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญของประเทศไทย โดยเฉพาะปี 60 คือกติกาของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่กติกาทางสังคม ที่พยามสืบทอดอำนาจให้กับพวกเขาในการเข้ามาสู่สภา แล้วเราเห็นว่ายังมีการสืบทอดอำนาจจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวอยู่
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่ารัฐสภาของเรา อย่างไรก็เห็นชอบในหลักการ 3 ร่าง จะมีการจัดตั้งคณะกรรมธิการร่วมระหว่าง สส. และ สว. จึงขอฝากไปถึง กมธ. ว่าจะต้องสร้างความมั่นใจว่าประชาธิปไตยต้องสร้างได้จริง และมีอยู่จริงประชาชนต้องมีความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เพียงผู้ถูกปกครอง ภายใต้กติกาที่ไม่เคยสอบถามความเห็นแต่อย่างใด
ดังนั้น จึงขอยก 3 เสาหลัก ได้แก่
1. ประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ขอให้พี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางจริง ๆ การเลือกผู้แทนที่จะมายกร่างรัฐธรรมนูญนั้นต้องทำให้ได้
2. ความเป็นธรรมทางสังคม และความเท่าเทียม ต้องขจัดการเลือกปฏิบัติ ขอให้ กมธ. พิจารณาเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
3. หลักการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน
นายกัณวีร์ กล่าวว่า เปิดโอกาสให้ทุกภูมิภาค และทุกกลุ่ม มีส่วนร่วมได้จริงๆ รับฟังเสียงจากผู้ที่ถูกละเลย หลังจากกระบวนการด้านการเมือง คนชายขอบ ผู้พิการ ที่ไม่เคยเข้าร่วมขบวนการสร้างการเมือง โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมทางสังคม คุ้มครอง สิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควรจะเป็นกระดูกสันหลังของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเคยเห็น แต่ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยได้ใช้ในประเทศไทย สุดท้ายการสร้างกลไกตรวจสอบ และการสร้างความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างแท้จริง อย่าปล่อยประละเลย อย่าทำให้เครื่องมือต่างๆ เข้ามาอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้การเมืองของไทยบิดเบี้ยว
"กรรมาธิการที่จะเกิดขึ้น คงไม่ร่างรัฐธรรมนูญที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยว และมีส่วนร่วม ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของของกติกากลางของสังคมใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ประชาชนรู้สึกซาบ ซึ้งถึงอำนาจที่แท้จริงของพวกเรา ผ่านกฎหมายสูงสุดของประเทศที่เราเรียกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยของเราไม่ได้หมดสิ้นไปในวันที่ไปเลือกตั้งในคูหา ประชาธิปไตยของเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง หากประชาชน ผู้มีอำนาจที่แท้จริงของประเทศรู้สึกว่าเขา เป็นเจ้าของของประเทศ" นายกัณวีร์ กล่าว
Advertisement