ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนาง ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้ชี้แจงต่อสภาฯ หลังนาย สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่อภิปรายประเด็นเศรษฐกิจเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ว่า ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล และยืนยันว่ารัฐบาลจะนำไปปรับใช้ โดยเฉพาะนโยบายการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความสำคัญต่อ GDP ของไทยอย่างยิ่ง พร้อมตั้งเป้าเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าให้แล้วเสร็จภายในปี 2568
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ยกระดับมาตรการป้องกัน การสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทยอย่างจริงจัง โดยได้รวบอำนาจการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด
สินค้า (C/O) มาไว้ที่กระทรวงพาณิชย์เพียงแห่งเดียว และเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังที่ส่งไปยังสหรัฐฯ จาก 49 เป็น 65 รายการ
นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบมีความรัดกุมสูง ซึ่งในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลง C/O แม้แต่ฉบับเดียว
สำหรับมาตรการปกป้องผู้ผลิตในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้พัฒนาระบบ AI เพื่อลดระยะเวลาการไต่สวน การทุ่มตลาด จาก 4 เดือน เหลือเพียง 1 เดือน และกำลังแก้ไขปัญหาสินค้าต่างชาติที่ทะลักเข้าไทย เช่น การพิจารณาเก็บภาษีสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท การเพิ่มความเข้มงวดของมาตรฐานสินค้า และการปราบปรามธุรกิจนอมินีอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ให้ขยายตลาดสู่ภูมิภาคใหม่ๆ เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ในด้านสินค้าเกษตร มีการวางแผนบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานในระยะยาว โดยเฉพาะข้าว ที่ต้องบริหารจัดการส่วนเกิน 1.8 ล้านตัน
นอกจากนี้ นางศุภจียังเปิดเผยว่า เตรียมลงพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อจัดมหกรรมการค้าชายแดน ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และเร่งเจรจา FTA กับ สหภาพยุโรป (EU) และเกาหลีใต้ ให้สำเร็จลุล่วง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลุกขึ้นอภิปรายในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของนางศุภจี ซึ่งระหว่างการอภิปรายพบว่า นางศุภจีมีเสียงแหบ ได้หันไปดื่มน้ำและพ่นสเปรย์บรรเทาอาการ
ขณะที่ นายสิทธิพล ยังได้กล่าวชื่นชมนางศุภจีว่า ขอเป็นกำลังใจให้ท่านรัฐมนตรี เห็นตอบ และพูดในสภาฯได้ดีกว่า สส.หลายคน จึงขอให้มาสภาฯ บ่อยๆ เพื่อจะได้พบกัน
Advertisement