นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจง ต่อประเด็นที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยกล่าวว่าตนให้เกียรติท่านเสมอมาโดยเฉพาะท่านเคยเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและเป็นรัฐมนตรีที่ตนเคยร่วมรัฐบาลด้วย กรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ตั้งคำถามแรกว่ารัฐบาลของตนสามารถทำได้หรือไม่ทำเป็นหรือไม่ ทำดีหรือไม่ คำตอบคือสามารถทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในคำแถลงนโยบายของตนเป็นสิ่งที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตน ใช้คำว่าทำได้เร็วและต้องทำเลย เพราะฉะนั้นจึงขอชี้แจงให้สมาชิกมีความมั่นใจรวมไปถึงประชาชนด้วย
ส่วนคำถามว่าทำเป็นหรือไม่ยืนยันว่าทำเป็นเพราะคณะรัฐมนตรีที่ตนคัดสรรมาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในวิชาชีพทุกด้านที่มีอยู่ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อนตนได้ทำการตรวจสอบประวัติการทำงานประวัติการศึกษา พฤติกรรม ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วนในการ ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทยที่รักของเราและพี่น้องประชาชนผู้ที่ตนคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาว่าคือผู้ที่มีพระคุณต่อตนและรัฐบาลนี้
ส่วนทำดีหรือเปล่าก็ขอยืนยันว่าคนเราหากมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ใช้เวลาเป็นสิบๆปีก็ต้องถือโอกาสนี้ทำดีที่สุดให้เป็นเกียรติประวัติให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับประเทศและประชาชนเท่าที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ
ดังนั้น ใน 4 ประเด็นที่นายแพทย์ชลน่าน บอกไว้ต่อเนื่องมาจนถึงการขาดโอกาส แต่ตนคิดว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงานเพราะรัฐบาลนี้ ตนได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนแล้วว่า ไม่มีคำว่าคนละพรรค นี่คือพรรครัฐบาลไม่มีขัดแข้งขัดขาแข้งขัด จะไม่มีความกังวลว่าพรรคไหนทำอะไรแล้วจะได้รับความนิยมชมชอบ จากพี่น้องประชาชนมากกว่า ตนอาจจะโชคดีที่ถูกสั่งสอนมาให้เป็นคนใจกว้างอะไรก็ตามที่เป็นวงวานว่านเครือหรือเครือข่ายการทำงานที่ตนเกี่ยวข้องด้วยแล้วใครทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จแล้วเป็นประโยชน์ตนมักจะอนุโมทนาสาธุ และสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกับทุกคนได้ประสบความสำเร็จสูงสุด การที่ท่านพูดว่ารัฐบาลนี้ขาดคนมีฝีมือก็ต้องยืนยันว่า ตนให้ความเชื่อมั่นได้ว่าทุกคนที่อยู่ในรัฐบาลนี้ตนเป็นผู้คัดเลือกเองและสิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากเรื่องคุณงามความดีที่แต่ละคนมี ความไว้เนื้อเชื่อใจจากพี่น้องประชาชน และผลงานความรู้ประสบการณ์ ตนขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล4 เดือน ของตนเต็มไปด้วยบุคลากรที่มีฝีมือมีความรู้ความสามารถและประสบความสำเร็จในชีวิต
ส่วนการที่กังวลเรื่องขาดความโปร่งใสตรงนี้ขอให้สบายใจได้ว่าตนรับฟังนายแพทย์ชลน่านทุกคำ จดความกังวลทุกคำและยินดีที่จะมาชี้แจง
พร้อมกล่าวต่อว่าความโปร่งใสเกิดจากการที่ต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการถูกต้องตามกฎหมายตามกฏ ถูกต้องตาม และที่สำคัญคือต้องใจกล้าให้ทุกคนมาตรวจสอบได้ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลของตนต้องโปร่งใสและมีการตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ส่วนข้อกังวลสุดท้าย เรื่องที่ระบุว่ารัฐบาลนี้ดูแล้วขาดอนาคตเรื่องประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรีระบุว่าประชาธิปไตยคือการเคารพเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาแต่ใจมาเป็นข้อตัดสิน
ตนกลับมองเห็นต่าง เพราะมองว่าตั้งแต่นี้ไปรัฐบาลจะวางรากฐาน และวางแนวทางแบบอย่างที่ดีในการเป็นรัฐบาลที่จะทำให้อนาคตประชาธิปไตยมีความสดใสอย่างน้อยนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่มีใครมาบงการได้ตัดสินใจเองคิดเอง และหารือกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดหารือกับบรรดาสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ในการที่จะตัดสินใจที่จะทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ
การที่ท่านกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ท่านพูดไม่ผิดในเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา พร้อมขออนุญาตนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขอนับวันที่ 1 ตุลาคมคือวันแรก นับไปวันที่ 31 มกราคมยุบสภาแน่นอน ตรงนี้ถือเป็นพันธะระหว่างพรรคที่ลงนามใน MOA ตนทราบดีว่าความมุ่งหมายของเราเป็นอย่างไร ตนเห็นพ้องกับพรรคประชาชนว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควร จะต้องคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน ดังนั้นรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจแต่มีติ่งท้ายนิดหน่อย
โดยติ่งท้ายที่ตนอยากจะขอกระทำและทำให้สำเร็จคือจะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ต้องเข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา ตนยอมรับในสภาพนี้และคณะรัฐมนตรีของรัฐมนตรี 36 คนจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหายความสูญเสีย ทั้งในเรื่องเกียรติภูมิของประเทศ ในเรื่องของเศรษฐกิจขวัญกำลังใจ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนกลับมาสู้ประเทศไทยและคนไทยให้ได้ในระยะเวลาทำงานที่มีอยู่ 4 เดือนซึ่งมั่นใจว่าทำได้เพราะได้เตรียมการในเรื่องนี้มามากพอสมควรแล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า บางทีการทำงานทุกคนมีความรู้ความสามารถแต่ต้องไม่เปรียบเทียบกันบางครั้งท่านทำไม่ได้แล้วมาคิดว่าคนอื่นทำไม่ได้ด้วยมันก็ไม่ถูกนัก ตนก็ติดตามตอนที่นายแพทย์ชลน่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในระยะเวลา7 เดือนเท่ากัน ตนมั่นใจว่าตนได้ทำอะไรเยอะมากแต่ขณะนั้นอาจจะมีเรื่องโควิด และเหตุการณ์วิกฤติทางด้านสาธารณสุขตนจึงอาจมีบทบาทมากกว่าสมัยสมัยที่นายแพทย์ชลน่านดำรงตำแหน่ง แต่ไม่ว่าว่ากันเพราะตนเคารพอยู่เสมอ ซึ่งตนไม่ได้มีความรู้ความสามารถด้านวิชาชีพโดยตรง แต่เชื่อว่าท่านมีความรู้ความสามารถทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมืองไม่น้อยกว่าสมาชิกคนอื่นในรัฐสภาแห่งนี้
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเรื่องผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ในนโยบายของรัฐบาลว่าไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ตนมองต่างเพราะรัฐบาลนี้ยกเลิกคาสิโนยกเลิกเทรนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับประชาชนเฉยๆ แต่พูดเรื่องการมีส่วนร่วมไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน ไม่ขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจการพนัน ตนมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกับรัฐบาลชุดนี้ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพราะพวกเราไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลในขณะนั้น
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าตนเคารพศรัทธาเสมอสำหรับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่มีคุณประโยชน์กับคนไทยมหาศาลจนถึงปัจจุบันแต่ 30 บาทรักษาทุกที่ “อนุทินเป็นคนทำไม่ใช่ชลน่าน” ตนทำมาตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตลอดระยะเวลา4ปีตนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนานที่สุด ในการทำงานของรัฐมนตรีหลาย 10 คนที่ผ่านมา และเสียดายที่นโยบายฟอกไตฟรี สำหรับทุกคนรัฐบาลที่แล้วไม่ได้สานต่อและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของตนจะต้องทำให้เสร็จภายใน2เดือนหากไม่ทัน ตนจะต้องไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเอง
ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีการพยามดึงและซื้อ ด้วยตัวเลข 1,000 หรือ 2,000 รวมกันแล้วเป็นตัวเลขหลายล้านอยู่ แต่ตัวเลขเหล่านี้สำหรับตนถือว่าเป็นตัวเลขอัพประมงคนมีคนพยายามที่จะทำให้มีตัวเลขนี้มาทำให้คนใน พรรคฝ่ายค้านหลายคนขนาดนั้นไขว้เขว แต่โชคดีที่เป็นตัวเลขที่ทุกคนเห็นว่าเป็นตัวเลขที่เป็นมงคล เป็นตัวเลขที่เอาไปแล้วไปทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมืดมน แต่คนที่ทำเป็นฝั่งที่อยู่ในรัฐบาลตอนนั้น ไม่ใช่มาจากพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน จนขอความมั่นใจและตนพร้อมทีมงานพร้อมที่จะพิสูจน์ทุกคน
ตนเคยอยู่ในรัฐบาลเดียวกับนายแพทย์ชลน่าน นโยบายต่างๆตนก็พร้อมจะสนองทุกเรื่องยกเว้นไปแตะถึงเรื่องความมั่นคงของประเทศความเสียหายของประเทศและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน จนต้องตัดสินใจไม่รวมรัฐบาล ถือเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญออกมาและทำให้พี่น้องประชาชนทราบว่าพรรคไหนที่คิดถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
การที่ท่านมาบอกว่านโยบายของรัฐบาลนี้เป็นปัญหามากกว่าทางออกตนและคณะรัฐมนตรีของตนทั้ง 36 คนตอบแทนได้เลยว่าไม่ใช่ นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ และรัฐมนตรีทุกคนที่ต้องทำงานอย่างหนัก จะผลักดันทุกนโยบายให้เป็นทางออกของประเทศ และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตนอยากย้อนคำพูดว่าเราเคยอยู่ด้วยกัน 20 กว่าปีก่อนตนอยู่ในคณะรัฐบาลที่มี ทุกคนยอมรับการทำงานของท่านคือท่านทักษิณชินวัตร เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วมีแต่การพูดถึงปัญหาให้คณะรัฐมนตรีฟังทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตอนนั้นตนเป็นรัฐมนตรีแล้วนายแพทย์ชลน่าน นั้นเป็นเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในที่ประชุมตนจำจนถึงทุกวันนี้ว่าท่านนายกทักษิณมักจะไม่พอใจกับคณะรัฐมนตรีที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นมาตนพูดกับตัวเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับตนหากตนต้องทำงานไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือไปทำงานที่ไหนก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหาเช่นนี้ท่านจะปิดใหม่รัฐมนตรีคนนั้นแล้วพูดว่า “ จำไว้นะ loser see problem in a solution" แปลว่าผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และ “ winner sea solution with Problem" ผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหาซึ่งตนและรัฐมนตรีทุกคนเป็นอย่างหลัง จะชนะหรือไม่ชนะไม่รู้แต่พวกตนเห็นทางออกในทุกปัญหา
จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน ได้ลุกตอบโต้ ถูกกล่าวถึงตอนที่ที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในระยะเจ็ดเดือน ต้นขอไม่เถียงตรงนี้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรแต่ขอชี้แจงว่า 30 บาทรักษาทุกที่ อนุทินไม่ใช่ชนน่าน ตนมีหลักฐานเชิงประจักษ์ในการชี้แจงเรื่องนี้ซึ่งตนไม่เข้าใจว่านายอนุทินหมายถึงอย่างไรแต่นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาคือรัฐบาลเศรษฐกิจทวีศิลป์และรัฐบาลแผลทานชินวัตร ตนเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขและดำเนินนโยบายนี้ตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นี่คือข้อเท็จจริง
ส่วนการที่ท่านพูดถึงนายกทักษิณ ที่ท่านให้ไว้เป็นแนวทางปฏิบัติและกล่าวชื่อตนในฐานะเลขารัฐมนตรี ตนอาจจะสติปัญญาไม่ถึงตีความหมายไม่ถึงว่าตนไปเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีได้อย่างไรเพราะตนเป็นเพียงเลขารัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์เข้าไปนั่งในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีเลย
Advertisement