พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เคยให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีและมีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ในพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ว่าเป็นเพียงแผนลวงของฮุนเซน และกัมพูชาจะโจมตีเราในพื้นที่ทัพภาค 2 เร็วๆนี้นั้น
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้พูดคุยกับ พลเอกรังษี ระบุว่า อย่างที่เคยบอกไว้ว่าการที่กัมพูชาเอาม็อบมาป่วนในพื้นที่ทัพภาค 1 เป็นเพียงการซื้อเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในพื้นที่ทัพภาค 2 เพราะที่ผ่านมาภายหลังจากการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย กัมพูชามีการเพิ่มเติมกำลังและอาวุธตลอดเวลา และวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า จากรายงานที่กัมพูชาได้นำทหารจำนวน 4 นาย ยิงเข้ามาบริเวณรั้วลวดหนามในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เป็นสิ่งที่บอกเหตุแล้วว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง เราจึงควรจะยกเลิกข้อตกลงทั้ง 13 ข้อที่มีการตกลงกันที่ GBC ได้แล้ว
ส่วนกรณีของบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งทางผู้ว่าฯ จังหวัดสระแก้ว ได้ส่งหนังสือยื่นคำขาดขีดเส้นตายให้ชาวกัมพูชาย้ายออกไปในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ พลเอกรังษี ระบุว่า ตนเชื่อว่ายังไงชาวกัมพูชาก็จะไม่อพยพออกไปแล้วจะมีการนำม็อบเข้ามามาป่วน ดังนั้นเราควรมีแผนรองรับในการผลักดันชาวกัมพูชาออกไป โดยอาจมีการใช้กำลังตำรวจเป็นแนวหน้าและให้ทหารคุ้มกัน ส่วนทางผู้ว่าฯ ก็อาจจะมีการเตรียมรถแทร็กเตอร์ เพื่อที่จะไถทุกบ้านที่มีการก่อสร้างรุกล้ำทิ้งไปทั้งหมดเลย และหากจะเกิดการปะทะก็ต้องมีการประทะกัน เพราะนี่เป็นเขตอธิปไตยของไทย หากเราทิ้งไว้แบบนี้กัมพูชาก็จะได้ใจคิดว่าเราดีแต่พูด
จากเดิมที่หวังผลประโยชน์ที่อ่าวไทยแต่ไกลเกินเอื้อม วันนี้กัมพูชาทำทุกอย่างเพื่อต้องการต่อรองให้เราเปิดด่าน เพราะการที่เราไม่ยอมเปิดด่านทำให้เศรษฐกิจของกัมพูชาพังพินาศ ตอนนี้เค้าหวังแค่นั้น ดังนั้นวันนี้กัมพูชาจึงได้ยิงปืนเข้ามาภายในรั้วลวดหนามเพื่อจะยั่วยุหวังให้เราตอบโต้
ดังนั้นมองว่าเราไม่ควรจะเปิดด่าน และควรจะทำให้เศรษฐกิจของกัมพูชาพังพินาศไปเลยแบบศรีลังกา ฮุนเซนก็จะโดนประชาชนต่อต้านแบบเนปาล ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ภาคธุรกิจของประเทศมาเลเซียอยากจะเข้าไป รุกตลาดในประเทศกัมพูชาแทนที่ไทย พลเอกรังษี ระบุว่า ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเกิดว่าประเทศมาเลเซียทนความกะล่อนของฮุนเซนได้ ก็ลองดู
ในตอนนี้ตนเชื่อว่ากัมพูชาพร้อมเมื่อไหร่เขาก็จะโจมตีเข้ามา เพราะเท่าที่ทราบ กัมพูชาได้มีการขนอาวุธหนักเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น PHL03 ,BM21 รวมถึงปืนใหญ่ ส่วนกรณีโดรน ที่ผ่านมากัมพูชาก็มีการใช้โดรนตระเวน มาพล็อตพิกัดเราเป็นเดือนแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าในรอบนี้เขาจะตัดสินใจใช้โดรนด้วยหรือไม่
โดยเมื่อสอบถามว่า คาดการณ์ว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น พลเอกรังสีระบุว่า “เตรียมการปะทะ และการประทะรอบนี้ต้องสั่งสอนฮุนเซนให้หนักและอย่าหยุด ต้องทำลายและโจมตีจุดยุทธศาสตร์ ,อาวุธและสถานที่ตั้งทางทหารซึ่งตั้งอยู่แนวชายแดน รวมถึงอาจจะต้องรุกเข้าประเทศกัมพูชาเพื่อยึดภูมิประเทศสำคัญ เพื่อจะใช้ในการเจรจาต่อรอง” และหากกัมพูชาโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนอีกรอบ เราจะต้องชิงลงมือในพื้นที่ภาคหนึ่ง โดยต้องจัดการบ่อนยิงตึกให้ถล่มลงมาทีละตึก ซึ่งเป็นการโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของเค้าที่ทำให้เขากลัวและจะทำให้เขาหยุด
ส่วนกรณีของนายกฯ อนุทินที่จะ ยกเลิกการไปประชุม UN นั้น จะส่งผลอะไรต่อการแถลงในเวทีโลกหรือไม่นั้น พลเอกรังษี ระบุว่าไม่ได้เสียเปรียบอะไร เพราะว่าในวันนี้ตนเชื่อว่าประชาชนทั้งโลก รวมทั้งยูเอ็นรู้กำพืด ฮุนเซ็น อยู่แล้วว่าเป็นคนพูดอย่างทำอย่าง แล้วก็ละเมิดข้อตกลงทุกอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาก็ละเมิดไปแล้ว 600 กว่าครั้ง เราได้ทำหนังสือประท้วงไป 400 กว่าฉบับ แล้ววันนี้เพิ่งจะประชุมจีบีซี ที่เกาะกงไปเสร็จสิ้น เขาก็ละเมิดโดยการเอาทหารมายิงยั่วยุ ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง 13 ข้อของการประชุมจีบีซีไปแล้วและเราควรจะยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว
Advertisement