นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทยวันนี้ว่าไม่ได้มาสั่งงานอะไร คงรอจนถึงวันที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ความเป็นรัฐมนตรีของเราจึงจะสิ้นสุด ซึ่งก็จะไม่มีการสั่งการ หรือเซ็นอะไรมากมาย ยกเว้นเรื่องสำคัญ ที่ยังคั่งค้างก็จะเซ็นผ่านให้
ส่วนเรื่องเขากระโดง เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ซึ่งตนมีการสั่งชัดเจนตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งแล้ว หลังจากตรวจสอบหลักฐานก็ต้องมีความชัดเจน เพื่อไม่ให้มีปัญหา หัวใจสำคัญคือเป็นที่หลวงชัดเจน เพราะเป็นที่ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานให้ เป็นข้อชัดเจนที่ไม่ต้องมีข้อสงสัย และรัชกาลที่ 6 ทรงออกกฤษฎีกา ดังนั้นที่ดินนี้จึงเป็นที่ของหลวง ที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้การรถไฟแห่งประเทศไทย จากนั้นจึงมีขั้นตอนต่างๆ จนถึงขั้นออกโฉนด แผนที่การรถไฟแสดงให้เห็นชัดเจน ว่าตอนที่ออกกฤษฎีกาและออกแผนที่ฉบับแรก ชัดเจนว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีแค่ 18 ครอบครัว ซึ่งได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว ที่จึงกลับมาเป็นของหลวงทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีอะไรก็ให้กระบวนการทางกฎหมายว่าไป
และเมื่อกรมที่ดินนำมาดำเนินการต่อ ก็ติดขัดอยู่แค่กระบวนการก่อนหน้านี้อธิบดีกรมที่ดินได้มีการเซ็นยุติเรื่อง ซึ่งเมื่อดูทางกฏหมายแล้วยังมีปัญหาอยู่ เพราะศาลปกครองได้สั่ง ก็ต้องไปเคลียร์ ดังนั้นตอนที่ตนมาเคลียร์มีข้อสรุปว่าเป็นที่ดินหลวง จริงๆ เป็นอำนาจของอธิบดีที่จะสั่งให้ที่ดินเป็นของหลวงได้เลย แต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เราจึงได้ย้อนกลับ ไปเพื่อดำเนินการ เพื่อนำที่ดินหลวงคืนที่ขณะนี้เป็นแค่กระบวนการ จริงๆ คาดว่าวันที่ 30 กันยายนจะแล้วเสร็จ แล้วว่าไปตามกฏหมาย ส่วนที่ยังมีผู้ประท้วงเข้าใจว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่ดิน สามารถยื่นคัดค้านได้ โดยยืนยันทั้งหมดก็จะเป็นไปตามกฏหมาย
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาไทยคนใหม่หรือไม่ ให้ดำเนินการต่อ และกลัวหรือไม่ว่าจะหยุดอยู่แค่นี้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่คือใคร มีแต่ข่าว เราจะไปฝากที่มันเป็นข่าวได้อย่างไร และเมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีประกาศเอง ว่าจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่าดังนั้นท่านรู้อยู่แล้ว
“ สิ่งที่ผมทำก็แจ้งชัดต่อสาธารณะ เห็นท่านบอกว่าทุกอย่างก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ท่านคงมีวิจารณญาณ ว่าทำอะไรก็ตามก็อยู่ในสายตาพี่น้องประชาชน ก็ขอทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรม ให้เดินหน้าต่อไป”นายภูมิธรรม
นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังกล่าวด้วยว่า ตนเสียดายอยู่งานเดียวของกระทรวงมหาดไทย คือเรื่องปราบปรามยาเสพติด ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างคา ที่กังวลใจอยู่ว่าเราเพิ่งเริ่มต้นทำ แต่สัมผัสได้ว่า ประชาชนรู้สึก ถ้าหากขึ้นมาจับเรื่องนี้จริงๆ จัดการโดยไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าใคร ก็จะเป็นคุณกับประเทศ ก็ฝากเรื่องนี้ไว้
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าก่อนหน้าจะมีนโยบาย No Drugs No Dealers สมัยนายอนุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีนโยบาย Seal Stop Safe เป็นไปได้หรือไม่ ว่าจะมีการนำนโยบายปราบปรามยาเสพติดมาทำต่อ นายภูมิธรรม กล่าวว่าก็เป็นได้ และจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าเราเป็นผู้นำรัฐบาล เป็น ครม. อะไรที่ดีก็ทำได้ไม่มีปัญหา และไม่รู้สึกหวงว่าเป็นเจ้าของนโยบาย เราดีใจเสียอีกว่ามีคนมาสืบทอดต่อ ก็หวังว่าจะทำแบบนั้น
Advertisement