วันที่ 6 ก.ย. 68 ที่จ.ศรีสะเกษ นางเพ็ง อ้อมชมพู อายุ 65 ปี พร้อมด้วยนางเล่ง นิสัย อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกัน เคยไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงนาย อนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่32 ในสมัยที่นายอนุทินยังเป็นเด็กเรียนอยู่ชั้น ป.3 ซึ่งทั้งคู่ต่างรู้สึกดีใจที่ได้ทราบข่าวว่านายอนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นางเพ็ง เล่าว่า เมื่อปี 2520 ตนได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นตนอายุ 18 ปี และทราบว่าคุณนาย หรือคุณแม่ของนายอนุทินต้องการคนดูแลเด็ก และแม่บ้านด้วย ตนจึงไปด้วยกันกับนางเล่งอีกคน เป็นพี่เลี้ยงเด็ก 3 พี่น้อง คือมีนายอนุทินเป็นพี่ชายคนโต ชื่อเล่นตอนเด็กเรียกว่า หนูหนู ส่วนน้องชายคนรองชื่อนายมาศถวิน หรือชื่อเล่นน้องน้อง และน้องสาวคนเล็กชื่อน .ส.อนิลรัตน์ หรือ หนุ่ยนุ้ย ทั้ง 3 พี่น้องมีอุปนิสัยเรียบร้อยน่ารัก และไม่ถือตัวกับตน หรือมองว่าตนเป็นเพียงคนงาน หรือคนรับใช้แต่อย่างใด แม้ตอนนี้จะเดินทางกลับมาอยู่ภูมิลำเนาที่ศรีสะเกษแล้ว แต่ความผูกพันที่เคยดูแลมาหลายปี ก็มีความห่วงใยถึงเสมอ เพราะดูแลนานถึง 13 ปี
ในขณะนั้นนายอนุทินอยู่ในช่วง ป.3 อายุประมาณ 9 ขวบ นายอนุทินในวัยเด็กมีนิสัยขี้เล่น ไม่ดื้อ เลี้ยงง่าย นิสัยดี สุภาพ ไม่ก้าวร้าว ชอบรับประทานอาหารง่ายๆ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว เป็นต้น มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพี่น้อง หยอกล้อเล่นแบบอบอุ่น ตนดูแลด้วยความห่วงใย อยู่เป็นเพื่อน แม้กระทั่งตอนที่นายอนุทินวัยเด็กจะไม่ยอมนอน เพื่อรอคอยคุณพ่อคุณแม่กลับจากทำงาน หรือกลับจากทานข้าวนอกบ้าน ตนก็จะอยู่เป็นเพื่อน เมื่อกลับมาแล้วตนจึงวางใจเข้าพักผ่อนได้ เพราะห่วงใยใกล้ชิด ตอนตนจะลาออกกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดภูมิลำเนาที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อปี 2533 คุณพ่อของนายอนุทินยังทักท้วงว่า ไม่ให้ตนกลับ เพราะอยู่กันมายาวนาน มีความสนิทมาก ได้รับความไว้วางใจจากการดูแลเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยดี และมีความซื่อสัตย์ เหตุที่ตนต้องตัดสินใจเดินทางกลับ เพราะมารดาของตนไม่มีใครช่วยทำนาทำเกษตร ไม่มีใครอยู่ด้วยคอยดูแล เพราะญาติพี่น้องอยู่ห่างไกลถึงกรุงเทพฯหมด จึงจำเป็นต้องลาจาก ทั้งที่ยังผูกพันและยังคงคิดถึงมาก
ล่าสุดเพิ่งได้มีโอกาสเจอกับคุณอนิลรัตน์ หรือ คุณหนุ่ยนุ้ย น้องสาวของนายอนุทิน เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ซึ่งได้แวะมาเยี่ยมตนถึงบ้านที่ศรีสะเกษ และเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานายอนุทิน ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจพบปะชาวสวนทุเรียนที่สวน “ไร่สร้างฝัน” ต.ศรีแก้ว อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟังสภาพปัญหา ทั้งเรื่องไฟฟ้า น้ำ และที่ดิน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และตนได้มีโอกาสพบกับนายอนุทินเป็นครั้งแรก หลังจากกันมา 30 ปี ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก และกังวลใจ เกรงว่านายอนุทินจะจำตนไม่ได้
ปราฏว่านายอนุทินจำตนได้ ไม่เคยลืม จึงรู้สึกตื้นตันใจมาก ด้วยภารกิจจึงไม่ได้พูดคุยมากนัก แต่ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ไปหาแม่ไหม ไปเที่ยวกรุงเทพฯไหม นั่นคือที่ได้สนทนากันเพียงแค่นี้ก็รู้สึกดีใจ เพราะมีความผูกพันมาก และในขณะนายอนุทินขึ้นกล่าวพบปะชาวบ้านในช่วงแรกๆ ได้กล่าวสั้นๆ ตอนหนึ่งว่า “วันนี้ได้พบกับพี่เลี้ยงของผม ไม่ได้เจอกันมากว่า 30 ปี เลี้ยงผมมาตั้งแต่ ป.3 เคยถูกตีด้วย เพราะไปแกล้งน้องสาว”
หลังทราบว่านายอนุทินได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ได้มีการโทรศัพท์ไปพูดคุยแสดงความยินดีกับคุณพ่อ และคุณแม่ของนายอนุทิน ทุกคนต่างมีความดีใจเป็นอย่างมาก แต่ตนนั้นยังไม่มีโอกาสได้โทรศัพท์สายตรงยินดีต่อนายอนุทิน เพราะเนื่องด้วยยังไม่มีช่องทางการติดต่อ แต่ตนได้ติดต่อผ่านคุณแม่ของนายอนุทินอย่างตลอด ในขณะนี้มีความคิดจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อฉลองต่อตำแหน่งอีกด้วย
Advertisement