เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ
จากนั้นเวลา 11.35 น. เข้าสู่การพิจารณาเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพิ่มเติม ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม
โดยก่อนที่เข้าวาระนายไชยา ได้แจ้งหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯ ว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ปี 2562 ไม่ได้กำหนดหมวดการพิจารณาเห็นชอบนายกฯไว้เป็นการเฉพาะ จึงขอปรึกษาที่ประชุมเพื่อใช้ขั้นตอนการดำเนินการในเสนอชื่อบุคคล แต่งตั้งเป็นนายกฯ ให้สมาชิกเสนอชื่อกับบุคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ซึ่งมีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งเป็นสส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของสมาชิกที่มีในสภาฯ หรือไม่น้อยกว่า 25 คน และต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ต้องใช้เสียงรับรองไม่น้อยกว่า 50 คน ส่วนวิธีการออกเสียงลงคะแนนจะทำโดยการเปิดเผย ผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือ247เสียงขึ้นไป
แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการลงมติเลือกนายกฯก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย สอบถามว่า หลังการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว จะให้อภิปรายถึงตัวบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อได้หรือไม่ เพราะตอนเลือกนายกฯที่ผ่านมา ตั้งแต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายเศรษฐา ทวีสิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ให้อภิปรายแสดงความเห็นได้ก่อนจะลงมติ ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ให้อภิปรายถึงบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อได้ แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายได้ ถกเถียงกันอีกพักใหญ่
จากนั้นเวลา 12.05 น. นายไชยา ตัดให้เข้าสู่กระบวนการเสนอชื่อโดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ
โดยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษรว่า เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง ไม่ลงคะแนน ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก คือ จำนวน 247 เสียงขึ้นไป จาก 492 เสียง
Advertisement