“ทนายพัช” ร้องตรวจสอบประวัติทนายดังมีเลขบัตรปชช. 2 ชุด
“ทนายพัช” ร้องตรวจสอบประวัติทนายดังมีเลขบัตรปชช. 2 ชุด หวั่นเป็นพวก 18 มงกุฎ มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ซ้ำยังลงสมัครเป็นนายกสภาทนายความทุกปี
วันที่ 7 ก.ย. 68 เวลา 10.30 น. นางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความ เดินทางมาที่สนบางเขนเพื่อร้องขอให้มีการตรวจสอบประวัติของทนายความชื่อดังรายหนึ่ง มีเลขบัตรประชาชนถึง 2 เลข แต่เลขบัตรต่างกัน เอาไว้ใช้ธุรกรรมส่วนตัวและสวมรอยเป็นทนายความ สมัครตำแหน่งนายกสภาทนายความทุกปี รวมไปถึงพฤติกรรมคล้ายพวก 18 มงกุฎ เหมือนกับ พระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก่อนจะนำข้อมูลเรื่องดังกล่าวมาให้ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดย ทนายพัช ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นไปแจ้งความว่า เมื่อช่วงปี 62 ได้ว่าความจากลูกความให้ดำเนินการเอาผิดกับ ทนายท่านหนึ่ง
ในข้อหาหมิ่นประมาท ตนจึงเร่งดำเนินการทำแบบฟอร์มและเตรียมจะใส่ชื่อผู้ที่ถูกฟ้องร้อง จนกระทั่งไปตรวจสอบพบว่า ทนายที่จะถูกฟ้องร้อง กลับกลายเป็นมี 2 บุคคล มีที่อยู่ทะเบียนบ้าน 2 ที่ โดยอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าบ้าน อีกคนเป็นผู้อาศัย ต่างกันตรงเลขประจำตัวและภูมิลำเนา (เลขที่ประจำตัวของแต่ละคนจะเปลี่ยนไม่ได้ มีเลข 13 ตัว ตั้งแต่เกิด) แต่วันเดือนปีเกิด บิดามารดาคนเดียวกัน จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่า มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ เพราะเกรงว่าจะเหมือนกับทิดจอร์จ ที่เปลี่ยนชื่อนามสกุลเลขบัตรประชาชนเพื่อหนีทหารเกณฑ์ จนเรื่องบานปลายพบความผิดอีกมากมาย จึงขอสันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีเจตนาไม่บริสุทธิ์
ในฐานะทนายความ จึงไปตรวจสอบที่สภาทนายความพบว่า เลขประจำตัวไม่เหมือนในทะเบียนราษฎร์ และมีประวัติอาชีพที่ไม่เป็นความจริง เช่น เคยเป็น "อดีตรองนายกเรือนจำกลาง จังหวัดสมุทรปราการ" เมื่อโทรไปถามทางเรือนจำก็ทราบว่าเป็นการแอบอ้าง เพราะมีแต่ตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำ เท่านั้น
ทนายพัช กล่าวอีกว่า ยังมีจุดที่น่าสงสัยอีก คือ เรื่องวุฒิการศึกษา เนื่องจากสมัยก่อน นิติศาสตร์ปริญญาตี มหาลัยรามคำแหง สามารถซื้อขายกันได้ และเมื่อจบ ป.ตรี หรือมีวุฒิ ป.ตรี สามารถเป็นทนายความได้เลย ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ต้องสอบเข้าเป็นทนาย ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนกำลังตรวจสอบอยู่ โดยให้อาจารย์ ที่อยู่ในมหาลัยรามคำแหงเป็นผู้ดำเนินการ ว่าเรียนจบนิติศาสตร์รามคำแหงรุ่นไหนปีอะไร และจากประวัติการแนะนำตัวมีคำนำหน้าเป็นถึง ผศ.ดร. เรียนจบปริญญาตรี โท และเอก แต่ไม่ใส่คำนำหน้าในตอนทำหน้าที่เป็นทนาย แต่จะใส่คำนำหน้า ผศ.ดร.ตอนทำธุรกรรมส่วนตัว จึงอยากให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย และทนายคนดังกล่าวยังเขียนหนังสือกฎหมายด้วย
นอกจากนี้ ทนายดังกล่าว ยังลงสมัครเป็นนายกสภาทนายความทุกปี ล่าสุดก็ยังลงสมัครอยู่
ทนายพัช ยังเผยอีกว่า ตามข้อมูลที่เคยอ้างอิงบุคคลดังกล่าวไปอยู่ในวงจรทนายความได้อย่างไร ที่ผ่านมาลูกความที่ว่าจ้างทนายท่านนี้ได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการกวาดล้างในบ้านตัวเองก่อน เพราะสภาทนายความที่ผ่านมาไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจัง ตนจึงจะทำหนังสือยื่นร้องเรียนให้กับนายกสภาทนายความคนใหม่ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการเลือกตั้งนายกสภาทนายคนใหม่ พร้อมยืนยันไม่กลัวถูกฟ้อง ไม่กลัวถูกแจ้งความกลับเพราะตนเองก็ศึกษากฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคลมาพอสมควร
Advertisement
