(4 ก.ย. 2568) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "การหลอกลวงที่สมบูรณ์แบบ"
พรรคประชาชนประกาศสนับสนุน นายอนุทิน เป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยยื่นยุบสภา แต่ไม่ผ่าน ประกาศยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน ประธานสภานัดประชุมสภาโหวตนายกฯ วันศุกร์นี้
เมื่อนายอนุทินขึ้นเป็นนายกฯ การจัดตั้ง ครม. หนีไม่พ้นการตอบแทนบุญคุณทางการเมืองตามระบบโควต้า นักการเมืองขาประจำก็กลับมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้พรรคประชาชนอภิปรายตรวจสอบ เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น
และ 2 กระทรวง ขาประจำที่พรรคภูมิใจไทยจะต้องยึดไว้ คือ กระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงคมนาคม สัดส่วน ครม. ที่ พรรคภูมิใจไทยจะจัดจึงเหลือๆ เมื่อไม่มีพรรคประชาชนมาหารส่วนแบ่งให้เสียของไปถึง 140 กว่าเสียง
ด้วยมุมมองการเมืองแบบบริสุทธิ์อินโนเซ้นท์ พรรคประชาชนยังประกาศจะเป็นฝ่ายค้าน เพื่อจะตรวจสอบรัฐบาลเสียอีก โหวตเลือกนายกฯ เพื่อตั้งรัฐบาล ส่วนคนโหวตยอมเป็นฝ่ายค้าน เพื่อมาตรวจสอบรัฐบาลที่ตั้งมา เป็นเรื่องแปลกแต่จริง มีประเทศไทยที่เดียว
ต้องถามว่า ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร? เพราะการเป็นฝ่ายค้านไม่มีใครล้มรัฐบาลได้เลยสักครั้ง
เครื่องจักรดูด สส. กำลังทำงาน สักพักเสียงอาจจะล้นเกินครึ่ง อ้างว่า "หนูเปล่าน้า เค้ามาเอง"
หากจะคุมพรรคภูมิใจไทยให้ทำตามเงื่อนไขที่พรรคประชาชนยื่นเป็นสัญญาประชาคม พรรคประชาชนกลับต้องเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลต่างหาก เพื่อให้นายกฯ ยุบสภาตามกำหนด
การควบคุมที่ดี คือ เป็นส่วนหนึ่งใน ครม. เพื่อจะได้เห็นทุกความเคลื่อนไหว
กระทรวงที่พรรคประชาชนต้องคุม คือ กระทรวงยุติธรรม เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนที่ DSI แจ้งข้อกล่าวหานายอนุทิน เรื่องฮั้ว ส.ว. และแม้แต่เขากระโดงอันลือลั่น รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ที่คุมบรรดาข้าราชการที่มีผลต่อการเลือกตั้ง แล้วยังมีกรมที่ดินที่ไม่รู้จะถอนโฉนดเขากระโดงได้หรือไม่? นับเป็นข้อถกเถียงที่ล้วนแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยทั้งสิ้น
แต่นี่กลับปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยจัดสรรแบ่งปันกันเสร็จสรรพสบายใจเฉิบ ด้วยเงื่อนไขที่อ้าแขนรับได้หมด ชิลเหลือเกิน มันผิดธรรมชาติการเมืองเป็นอย่างยิ่ง แล้วคอยดูหน้าตา "ครม.หนู" เถิด
พรรคประชาชนจะปฏิเสธไม่ได้ ที่ต้องรับผิดชอบต่อนายกฯ และ ครม. ชุดที่นายกฯ เลือกมา ล้วนเป็นผลมาจากการโหวตสนับสนุนจากพรรคประชาชนอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
จะอ้างว่าเป็นฝ่ายค้านไม่เกี่ยวไม่ได้ เพราะพรรคประชาชนไปปลุกพรรคภูมิใจไทยให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเอง ด้วยการโหวตให้นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ
หรือไม่อย่างนั้น แทนที่พรรคประชาชนจะอยู่เฉยๆ งดออกเสียง ไม่โหวตให้ใคร กลับทำตัวเป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทยโดยไม่ได้อะไรแม้แต่น้อย ได้แค่ไปหางานทำ ตรวจสอบ อภิปราย ทำได้เท่านั้น
ในขณะที่อีกฝ่ายกุมอำนาจรัฐ และ สว. ที่สามารถแต่งตั้งองค์กรกลาง เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่นายอนุทิน เคยย้ำนักย้ำหนาว่า "ใครจะเป็น?"
แค่นี้ก็รู้แล้วว่า นักการเมืองลิ้นมันดิ้นได้ ให้ตายเถอะ ถือเป็นการเล่นการเมืองแบบใสซื่อ ไม่เข้ากับบริบทการเมืองไทย และโดยเฉพาะกับพรรค ภูมิใจไทยเลย
การจะเปลี่ยนการเมืองไทยไม่สามารถกระทำได้ในระยะเวลาเพียง 4 เดือนนี้หรอกครับน้องเอ๋ย เอาแค่สิ่งที่พรรคประชาชนบอกไว้ว่า "จะไม่ให้ใครเอา ม.112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการเล่นงานใคร"
แค่วันนี้ก็มีการแจ้ง ม.112 กับนายภูมิธรรมที่ไปยื่นยุบสภาเสียแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างจะย้อนกลับมาที่พรรคประชาชนที่ไปเลือกข้างพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ ทั้งการทำงานของนายกฯ และ ครม. เขี้ยวลากดิน การจัดสรรผลประโยชน์ การควบคุม สว. ไปในทุกเรื่อง ทุกอย่างล้วนมีต้นเหตุเพราะพรรคประชาชนเลือกนายอนุทินเอง โดยทำหล่อว่าตัวเองขอเป็นฝ่ายค้าน
พรรคประชาชนจะต้องร่วมรับผิดชอบกับการตัดสินใจครั้งนี้อย่างเจ็บช้ำเป็นคำรบสอง ต่อเนื่องมาจากการที่พรรคภูมิใจไทยไม่โหวตให้ "พิธา" เป็นนายกฯ
อย่างอ้างประชาชน เพราะสิ่งที่ทำไปประชาชนไม่ได้อะไร ล้วนมีแต่เสียกับการตัดสินใจแบบนี้ ที่ปล่อยเสือออกจากกรง แล้วคนเลี้ยงที่ว่าจะคุมเสือ กลับถูกเสือคาบไปกิน รอดูได้เลย
ภาระที่พรรคประชาชนต้องแบกใส่บ่าหามไว้ จะส่งผลให้พรรคประชาชนเสียคะแนนมหาศาล ที่กล้าเอาเนื้อสดไปฝากไว้กับเสือหิว หรือจะว่าไป นี่เป็นการหลอกลวงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยเห็นมาในการเมืองไทย
Advertisement