"จตุพร" จับตา ปชน. ขู่ไม่โหวตเพื่อไทยเท่ากับเอาเพื่อไทย จี้เจอปชช.แน่
"จตุพร" ท้าอำนาจรักษาการนายกฯ อ้างยุบสภาได้ให้ทำเลย ย้ำ จุดยืนไม่เอานายกฯเพื่อไทย จับตา พรรคประชาชน ขู่ไม่โหวตเพื่อไทยเท่ากับเอาเพื่อไทย จี้เจอปชช.แน่
เมื่อเวลา 21:55 น. การชุมนุมคณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดิน ขึ้นเวทีปราศรัยคนสุดท้าย โดยมวลชนได้ร่วมกันร้อง "เพลงหนักแผ่นดิน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยนายจตุพร กล่าวว่า ความจริงวันนี้จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลแต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าทั้งนายกฯและคณะรัฐมนตรีตายไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม หรือตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้วไม่มีสภาพมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจชุมนุมวันนี้ เป็นความเร่งรีบแม้หลายคนมีภารกิจ ประชาชนเตรียมตัวไม่ทัน แต่เราต้องย้ำจุดยืน เพราะแต่นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พรรคการเมืองก็มีการเร่งจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นคณะรวมพลังแผ่นดินฯ เราจึงต้องลุกขึ้นประกาศเงื่อนไข โดยเฉพาะไม่เอานายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด
"หลายคนถามว่าไม่เอาเพื่อไทยแล้วตนเองจะเอาใคร ตนขอย้ำว่าใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพราะมีประสบการ เช่น 3 จังหวัดตั้งแต่ ปี 47 ผ่านมา 41 ปี ความไม่สงบในประเทศก็ยังดำรงอยู่ ดังนั้นหากปล่อยตระกูลนี้บงการประเทศไทยชายแดนไทย-กัมพูชาก็ไม่ต่างจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้"
พร้อมมองว่านาทีนี้คนพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเก็บเสื้อผ้าออกมาเกิน 40 เสียงแล้ว ส่วนภูมิใจไทย เสียงไม่เกินครึ่ง จึงต้องพึ่งพรรคประชาชน ซึ่งมีเงื่อนไขดูดี จึงย้ำว่าเราต้องลุ้นพรรคประชาชนตอนจบ พร้อมจับตาการประชุมของพรรคประชาชนในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย. 2568) พร้อมย้ำว่าถ้าจุดยืนพรรคประชาชนไม่เลือกใครเท่ากับเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่ดี
ส่วนความรู้สึกที่เห็นพรรคเพื่อไทยไปจีบพรรคประชาชน ตนขอย้ำว่า นั่นคือพวกความจำเสื่อมมาเจอกัน ทั้งฉีก MOU ตระบัดสัตย์กับประชาชน แต่วันนี้กลับขอให้ลืมอดีต แต่นี่คือสภาพการเมืองไทยที่ตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม ปี 66 ตั้งแต่นายทักษิณกลับมาประเทศไทย นั่นคือความเสียหายของบ้านเมือง เราจึงไม่อาจให้สภาพบ้านเมืองเสียหายแบบนี้ต่อไป
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ห้วงที่บ้านเมืองผ่านมากว่า 20 ปี โดยเฉพาะ 2 ปี ที่ผ่านมาต้องแลกกับกระบวนการยุติธรรม คุกก็ไม่ติด ซ้ำเราเป็นหนี้อะไรกับตระกูลชิน มีนายกฯ จากตระกูลนี้ถึง 3 คน วันนี้จึงขอประกาศว่า "เราพอเสียทีกับตระกูลนี้"
นายจตุพร บอกอีกว่า พรรคเพื่อไทย นโยบายแก้ไขเศรษฐกิจไม่สำเร็จ แต่อยากทำแต่เรื่องที่ทำลายชาติ เช่น แบ่งผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา ในแหล่งพลังงานทางทะเล 50-50 ถ้าไม่ขวางก็แย่ ซ้ำไม่ได้ก็จะเอาบ่อนกาสิโน เมื่อถูกขวางก็จะไปเรื่องศูนย์กลางทางการเงิน ดังนั้นต้องขุดรากถอนโคน ระบอบชินวัตรให้พ้นไทย
"ไม่ปฏิเสธที่เคยอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ด้วยกันรู้เช่นเห็นชาติจึงเป็นภาระหน้าที่ ที่เคยสร้างกันมาอย่างไรก็จะทำลายกลับเช่นนั้น"
นายจตุพร กล่าวช่วงท้ายว่า "วันนี้ ถ้าเราไม่มา มองว่าพรุ่งนี้ผลการประชุมของพรรคประชาชน และวันที่ 3 กันยายน ก็ทราบผลของการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา แต่นั่นหมายความว่าหากมาไล่ทีหลังเราจะเหนื่อย ดังนั้นวันนี้ขอแสดงจุดยืนชัดว่า ถ้าอยากมีเรื่องกับประชาชนให้เลือกนายชัยเกษม" พร้อมย้ำว่า นายกฯจะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เพื่อไทย
ส่วนการที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และคนในรักษาการรัฐบาลขู่ว่ามีอำนาจยุบสภา แต่นักกฎหมายกับมีความเห็นเป็นสองทาง ดังนั้นถ้ารักษาการฯ แน่จริงก็ขอให้ยุบสภาฯ
นอกจากนี้ยังฝากจับตาศาลฎีกาฯ นัดหมาย นายทักษิณ วันที่ 9 ก.ย. 2568 ฟังคำสั่งคดีพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ขอวัดใจว่าเราจะปล่อยปัญหาให้เกิดต่อ หรือเขามีฤทธิ์ในขบวนการต่อสู้ เพราะความเข้าใจผิดหลงศรัทธามา 17 ปีนั้น แต่เขาใช้ 2 ปี บัดนี้ศรัทธาหาย สภาพไม่ต่างคดีวัดพระบาทน้ำพุ
"ดังนั้นเพียงแค่เรายืนหยัดสู้สุดใจ เราก็สามารถจัดการได้อยู่ดี เพราะบ้านเมืองนี้เราผ่านประสบการณ์มากมาย อยู่ทามกลางขัดแย้งตนก็อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้องสักครั้ง และหลายคนสู้มาตลอดชีวิต หรือบางคนถามว่าเมื่อไรจะหยุดต่อสู้ ผมก็บอกว่าจนกว่าบ้านเมืองจะเป็นศรีวิไล ตามคำทำนายไว้ทุกประการ วันนั้นเราตะมีแต่ความผาสุขเกิดขึ้นในชาติแผ่นดิน แต่ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่ปกติสุข ความชั่วยังครอบงำก็สู้จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
หลังจากนายจตุพร ประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งภายหลังนายจตุพรชุมนุมเสร็จสิ้น กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ร่วมกันร้องเพลง แล้วยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 21:45 ก่อนแยกย้ายกันกลับ
สำหรับภาพรวมของการชุมนุมในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการปิดการจราจรบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแต่อย่างใด ยกเว้นบริเวณด้านหน้าเวทีฝั่งถนนพหลโยธิน ซึ่งปิดเพียงแค่ช่วงเลนรอบในเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกบริเวณโดยรอบให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
Advertisement
