วันที่ 27 ส.ค. 68 ห้องประชุมชั้น 2 ที่ทำการด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ร่วมกับ พล.ท. โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่4 เป็นประธานร่วม
พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ที่ประชุมได้ลงนามข้อตกลงร่วมกัน 11 ข้อ คือ 1. ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย -กัมพูชา (GBC)ในห้วงที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ และทั้งสองฝ่ายยอมรับทุกข้อ 2. ขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลง เรื่องการสื่อสารตามปกติ หมายถึง การติดต่อสื่อสารระหว่าง กำลังทหารในพื้นที่ให้มีมากขึ้น
3. ขอให้ทั้งสองฝ่าย เข้มงวด การออกข้อความที่เป็นเท็จในสังคม การสื่อสารทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ขอความร่วมมือโดยให้ ทั้งสองฝ่ายดูข้อเท็จจริง ดูมวลชนฝ่ายตัวเอง โดยฝ่ายไทยได้ขอให้ทำฝ่ายกัมพูชาไปกำกับดูแลในส่วนนี้ เพื่อระมัดระวังในการออกข้อมูลที่เป็นเท็จซึ่งจะนำมาซึ่งความไม่เรียบร้อยในประเทศ
4. ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ขยายความขัดแย้ง โดยการกระทำใดๆ ไม่มีการยั่วยุทางด้านการทหาร รวมถึงการใช้พลเรือน ยั่วยุ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน 5.การดำเนินการใดๆ ต่อที่ตั้งทางทหารของแต่ละฝ่าย ต้องได้รับความคุ้มครอง ให้มีความปลอดภัย โดยไม่กระทำต่อที่ตั้งของแต่ละฝ่าย โดยใดๆก็ตาม หมายถึง การปรับปรุงฐานที่มั่น ต้องได้รับความคุ้มครอง เช่น การทำบังเกอร์ ห้ามมีการยั่วยุและทำร้ายซึ่งกันและกันในที่ตั้ง พร้อมขอให้ทั้งสองฝ่ายมีการลาดตระเวนเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ในที่ตั้งหน่วยทหารต่างฝ่ายให้มีการปรับปรุงตามสมควร ไม่ให้มีการใช้อาวุธต่อที่ตั้งทหารซึ่งกันและกัน
6. ให้ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงการพัฒนาเชิงบวก ปฏิสัมพันธ์ในแง่ที่ดี หมายความว่า พบปะกัน พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี โดยขอความร่วมมือทหารระดับล่าง จนถึงระดับสูง ขอให้เพิ่ม การพบปะพัฒนาสัมพันธ์ ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
7. ให้ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามมนุษยธรรมซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา จึงขอความร่วมมือไม่ให้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยทางฝ่ายกัมพูชา ได้เสนอว่า ในประเด็นนี้ ขอนำไปสู่การประชุมGBCครั้งหน้า เนื่องจากเป็นระดับนโยบาย แต่ในส่วนฝ่ายไทยยืนยันการประชุมในครั้งนี้ว่า ให้งดการใช้ทุ่นระเบิด ตามหลักอนุสัญญาออตตาวา
8. ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบจัดตั้งชุดประสานงานซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มขึ้นไปอีก แต่จะไปตกลงกันในเรื่องรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้น จะจัดให้ฝ่ายละ 4 นาย ซึ่งปกติก็ประสานงานกันอยู่แล้วในระดับผู้การกรม ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีอะไรเสียหาย
9. ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันที่จะให้ความร่วมมือในการปราบปราม ป้องกัน อาชญากรรม ข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบ ค้าอาวุธ รวมถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายข้ามแดนทั้งหมด โดยฝ่ายไทยยืนยันที่จะดำเนินการเรื่องนี้ทันที แต่ฝ่ายกัมพูชาขอให้นำประเด็นนี้เข้าสู่ในการประชุมGBC
10. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญ ตอบสนองต่อการประท้วง เกี่ยวกับข้อพิพาทต่างๆ ขอให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งต่อเรื่องนี้ ฝ่ายไทยขอกำหนดเวลาในห้วงแรก แต่ฝ่ายกัมพูชา เสนอว่า การกำหนดห้วงเวลาให้ไปหารือในการประชุมGBC หมายความคือ หากมีการกระทำผิดเอ็มโอยู หรือข้อตกลงต่างๆ มีการรุกล้ำอธิปไตย เมื่อมีการประท้วงทางเอกสารแล้ว ให้อีกฝ่ายได้ตอบสนอง ต่อปัญหานั้นให้รวดเร็ว โดยขอให้กำหนดเป็นห้วงเวลา ตอบรับการแก้ปัญหาที่มีความขัดแย้งกัน เช่น การทำผิดเอ็มโอยู43 มีการก่อสร้าง ในพื้นที่ ฝ่ายไทยได้ทำหนังสือประท้วงไป ฝ่ายกัมพูชาก็ขอให้ไปหารือในการประชุมGBC
11. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้มีการจัดประชุมRBCขึ้น ตามห้วงเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ฝ่ายไทยได้เสนอว่า การจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ชุดปัจจุบันสามารถทำงานได้ดี เช่น ผู้ช่วยทูตทหาร จึงเห็นชอบว่าให้คงคณะIOT ชุดนี้ต่อไป เพียงแต่ข้อนี้ ไม่ได้อยู่ใน บันทึกการประชุม มีเพียง 11 ข้อ ที่อยู่ในบันทึก การประชุม เพื่อเจตนาที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
พล.ท.บุญสิน ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา หรือ RBC กองทัพภาคที่2 ว่า ในส่วนของการวางระเบิดใหม่ของฝ่ายกัมพูชาหลังจากมีข้อตกลงหยุดยิงก็ยังมีเกิดขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งมาตรการในการตอบโต้ก็ยังเหมือนเดิม ในการประชุมวันนี้ทางกัมพูชาก็ไม่ยอมรับ แล้วยังยืนว่าได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยทุ่นระเบิดอย่างเคร่งครัด แต่ถึงอย่างไร หากยังมีการวางทุ่นระเบิดอีกทางพื้นที่เราก็พร้อมจะตอบโต้เพราะเป็นการรุกล้ำอธิปไตย ซึ่งการละเมิดเอ็มโอยู 43 ต่างๆ นั้น ต้องดูผลการปฎิบัติต่างจากนี้ว่ามีความจริงใจหรือไม่และขึ้นอยู่กับผู้นำของกัมพูชาด้วยว่ามีทิศทางอย่างไรต่อไป แต่เราก็พร้อมปฎิบัติทุกรูปแบบเหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่ต้องนำเรื่องคอลเซ็นเตอร์ไปหารือระดับจีบีซีนั้นเพราะเป็นเรื่องนโยบายของประเทศ เกี่ยวข้องกับ กระทรวง ทบวง กรม อื่น ซึ่งแม่ทัพภาคดูโดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน
แม่ทัพภาคที่2 ยังระบุว่า ในส่วนข้อตกลงเรื่องทุ่นระเบิด และคอลเซ็นเตอร์ฝ่ายไทยเป็นคนเสนออย่างชัดเจน และมีอีกหลายข้อที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นคนเสนอ แต่ไทยไม่ได้นำเข้าที่ประชุมเพราะเป็นเรื่องทั่วๆไป ไม่มีอะไร โดยภาพรวมทั้งหมดเราคงต้องดูผลการปฎิบัติ และท่าทีของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาของว่า จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังหรือไม่ ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนในช่วงก่อนประชุมอาร์บีซีวันนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรและยังปกติ ต่างฝ่ายต่างหยุดยิงตามข้อตกลงของจีบีซี ในภาพรวมการวางกำลัง ของสองฝ่ายยังเท่าเดิมและอยู่ในจุดเดิม จะมีการเพิ่มกำลังบางจุดของกัมพูชา บางส่วนซึ่งเราก็เก็บหลักฐานไว้เพื่อดำเนินการประท้วงตามขั้นตอนต่อไป สำหรับเรื่องรั้วลวดหนามที่กัมพูชาประท้วงเขาก็พูดขึ้นมาตนก็ยืนยันว่าเป็นการป้องกันฐานที่ตั้งตามแนวเขตที่ถูกต้องตามกฏหมาย และตามหลักยุทธวิธี เรายืนยันว่าไม่รื้อ
ส่วนที่กังวลกันว่าแม้จะมีการทำข้อตกลงกันแล้วก็ยังมีการบิดเบือนและฝ่าฝืนนั้น แม่ทัพภาคที่2 กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศอยู่ในที่ประชุมด้วยและมีการตรวจสอบคำพูดในแถลงการณ์ทั้งหมดตนได้ลงนามทั้ง 11 ข้อก็ต้องเป็นไปตามนั้นไม่มีเพี้ยน ซึ่งการพูดการหารือก็ว่ากันไป แต่การลงนามจะมีจำนวนข้อที่ระบุไว้ชัดเจนทั้งหมด และจะนำไปแจกจ่ายให้สื่อมวลชนเพื่อนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบรวมถึงประชาชนชาวกัมพูชาได้รับทราบด้วยว่าเราจะลงนามตามนี้ จะไปชี้แจงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
เมื่อถามว่า จากการประชุมวันนี้มีความมั่นใจได้อย่างไรว่ากัมพูชาจะไม่ยิงข้ามมาถูกประชาชนผู้บริสุทธิ์ฝั่งไทยอีก พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ในอนาคตที่เรา หวังว่าจะไม่เกิดทางฝั่งกัมพูชาก็มุ่งหวังจะให้เกิดเสรีภาพมิตรภาพที่ดี แต่อย่างว่า การยิงกันผ่านมาไม่กี่วัน มีการพูดคุยกันแล้วก็พัฒนาไปต่างฝ่ายต่างไม่อยากให้สูญเสียทั้งประชาชนและทหารก็ต้องรอดูว่านโยบายของผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างไร การปฎิบัติและ ท่าทีทหารกัมพูชา ตลอดแนว เป็นอย่างไร มีความก้าวร้าวหรือการปฎิบัติที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่จะใช้อาวุธหรือไม่ ต้องดูในอนาคตและนโยบายที่จะนำไปสู่การปฏิบัตซึ่งบรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น กัมพูชาเสนอว่าให้มีการพบปะกันบ่อยๆ แต่ก็ต้องดูความจริงใจในการปฏิบัติด้วย
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่กัมพูชานำมวลชนมากดดันในพื้นที่กองทัพภาคที1 มีส่วน ในการกำหนดข้อตกลงอาร์บีซีในวันนี้หรือไม่ พล.ท.บุญสิน ยอมรับว่า ใช่ ในข้อที่4 ที่ระบุว่ามายุยงทั้งทางทหารและพลเรือนรวมทั้งไม่ใช้กำลังทหารและพลเรือนในการสร้างความขัดแย้งตลอดแนวชายแดน ซึ่งเขาก็ยอมรับ โดยในส่วนของกองภาคที่2 ได้ให้นโยบายกับผู้บังคับหน่วยไปว่าให้มีความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นจุดไหน ถ้ามีท่าทีจะลุกล้ำอธิปไตยไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น ซึ่งเราก็มีแผนปฏิบัติตามขั้นตอนอยู่แล้วตั้งแต่การแจ้งเตือน เป็นมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนของสองฝ่ายปะทะกัน
เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่ จ.สระแก้ว จะทำให้เกิดการบานปลายหรือไม่ แม่ทัพภาคที่2 กล่าวว่า ให้ทางเจ้าภาพเป็นคนตอบดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกและกองทัพภาคที่1 ส่วนถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงจะมีผลกระทบต่อชายแดนในพื้นที่ กองทัพภาคที่2 หรือไม่นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ก็มีส่วนบ้างในกรณีที่มีการใช้กำลังทหาร เราก็พร้อมปฏิบัติตลอดแนวอยู่แล้ว ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่2คนใหม่จะรับมือได้ ส่วน มวลชนจัดตั้งที่มายั่วยุก็เป็นหน้าที่ของหน่วย ในพื้นที่ไปแก้ไขหาวิธีการในการจะทำอย่างไรก็ได้ให้สถานการณ์คลี่คลาย
“ผมเชื่อมั่นว่าท่านแม่ทัพภาคที่1 จะแก้ไขได้ ให้กำลังใจกัน ในส่วนของเรากองทัพภาคที่2 ก็เตรียมเหมือนกัน”
สำหรับประชาชนตามแนวชายแดนให้ฟังข่าวสารจาก ฝ่ายความมั่นคง และกองกำลังสุรนารีเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไร และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะใช้กำลังขอให้พี่น้องประชาชนอย่าไปตื่นตระหนกหรือดูจากสื่อโซเชียลแล้วไปขนย้ายข้าวของออกจากบ้านต้องตรวจสอบให้ดีก่อนอย่าพึ่งตกใจ สำหรับเกษตรกรที่จะเข้าไปทำการเกษตรนั้นได้มีการผ่อนคลายไปแล้วในบางพื้นที่แต่ในส่วนที่ใกล้แนวหน้ามากๆ ก็ต้องขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเข้าไป
สำหรับกรณีปราสาทตาคควายนั้น เป้าหมายก็ยังเหมือนเดิมอยู่ในขั้นตอนของเรา ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยก็พร้อมปฏิบัติทันทีเมื่อมีสถานการณ์หรืออย่างไรก็แล้วแต่ทั้งด้านการประท้วงทำการทูตก็ยังทำเหมือนเดิม
Advertisement