วันที่ 27 ส.ค. 68 พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อวันเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ส.ค. 68 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าพบ ณ ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โอกาสนี้ พล.อ.ณัฐพลได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ทางการทหารที่แน่นแฟ้นและยาวนานระหว่างไทย–เกาหลีใต้ ซึ่งนับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของกองทัพไทยที่ได้ส่งกำลังพล 11,876 นาย เข้าร่วมรบในสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปี ก่อน และมีทหารกล้า 129 นาย ที่พลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของสาธารณรัฐเกาหลี โดยรัฐบาลและประชาชนเกาหลีใต้ ยังคงยกย่องและให้เกียรติวีรกรรมของทหารไทยมาโดยตลอด อาทิ การสร้างอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติที่เมืองโพชอน การเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึก รวมถึงการค้นหาและส่งกลับอัฐิของทหารไทยจากสมรภูมิเกาหลี
ด้านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวแสดงความซาบซึ้งและขอบคุณรัฐบาลและประชาชนไทยที่ได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลีเพื่อปกป้องอธิปไตยของสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปี ก่อน อันเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย–เกาหลีใต้แน่นแฟ้นและยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในทุกด้าน ทั้งในมิติการทหาร เศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรม
ในด้านความร่วมมือ กระทรวงกลาโหมไทยยืนยันเจตนารมณ์ในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ โดยมีการส่งนายทหารติดต่อและหมู่เชิญธง (Honor Guard) ไปประจำที่กองบัญชาการสหประชาชาติ (UNC) ณ กรุงโซลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการสนับสนุนการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศผู้ส่งกำลังเข้าร่วมภารกิจ UNC ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการหารือสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี
รมช.กลาโหม ยังได้กล่าวชื่นชมกองทัพเกาหลีใต้ที่เข้าร่วมการฝึกผสม “Cobra Gold 2568” ในฐานะประเทศเข้าร่วมหลัก ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมทั้งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือเช่นเดียวกันในการฝึก “Cobra Gold 2569” ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2569
ในด้านการศึกษา กระทรวงกลาโหมไทยได้ขอบคุณเกาหลีใต้ที่ให้การสนับสนุนที่นั่งศึกษาแก่กำลังพลไทยในหลักสูตรระดับเสนาธิการและนายร้อยเหล่าทัพ ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็พร้อมเปิดโอกาสให้กำลังพลเกาหลีใต้เข้าศึกษาในหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ เพื่อสืบสานความร่วมมือด้านการศึกษาทางทหารระหว่างกัน
ประเทศไทยยังได้แสดงความยินดีที่จะเป็นประเทศผู้ประสานความสัมพันธ์ในกรอบความร่วมมืออาเซียน–เกาหลีใต้ พร้อมสนับสนุนความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยได้หารือถึงการจัดกิจกรรมร่วมกันภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) และ ADMM-Plus รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการฝึกผสมทางทะเลในอนาคต
พ วีรยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพบปะในครั้งนี้ยังได้เชื่อมโยงไปถึงความสำเร็จของการประชุม Seoul Defense Dialogue (SDD) ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในการประชุม SDD 2568 ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 – 10 กันยายน 2568 จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี การจัดตั้งกองบัญชาการสหประชาชาติ ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
ในโอกาสเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้ยืนยันว่า ฝ่ายไทยยึดถือแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีมาโดยตลอด แม้ในห้วงที่ผ่านมาไทยต้องต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และประสบกับการล่วงล้ำอธิปไตย การลอบวางทุ่นระเบิด และพฤติกรรมยั่วยุต่างๆ แต่ไทยยังคงให้ความสำคัญกับการเจรจาหยุดยิง ส่งเสริมการทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จาก 8 ประเทศ และสนับสนุนการทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ที่อยู่ระหว่างกระบวนการหารือทางกฎหมาย โดยไทยพร้อมอำนวยความสะดวกและสนับสนุนทั้งสองแนวทาง เพื่อความเป็นเอกภาพและประสิทธิภาพของอาเซียน
การพบปะครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย–เกาหลีใต้ และเป็นโอกาสสำคัญที่จะต่อยอดความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง การศึกษา อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และความร่วมมือในกรอบอาเซียน อันจะนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงร่วมกันของภูมิภาคอย่างยั่งยืน
Advertisement