เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 24 ส.ค. 68 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสวีเดน พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงความพร้อมในการเซ็นสัญญาโครงการจัดซื้อ เครื่องบินขับไล่กริพเพนว่า เซ็นสัญญาวันที่ 25 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะมีทั้งฝ่ายไทย และฝ่ายสวีเดน และมีนาย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทยเป็นสักขีพยานในการลงนามจัดซื้อแบบจีทูจี และกองทัพอากาศก็จะมีการลงนามในส่วน FMV (องค์การบริหารจัดการ ยุทธภัณฑ์ทางทหารสวีเดน) กับบริษัท Saab สวีเดน ในส่วนของ offset policy
เมื่อถามว่า กองทัพอากาศเซ็นสัญญาแล้ว มี เครื่องบินขับไล่กริพเพนฝูง 2 โฉมหน้าของกองทัพอากาศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ผบ.ทอ. กล่าวว่า เราจัดเครื่องบินมาทดแทน เครื่องบินF-16 ที่กองบิน 1 โคราช พร้อมมองว่าโดยภาพรวมขนาดกองทัพอากาศไม่ได้ใหญ่ขึ้น แต่จะเล็กลงด้วยซ้ำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราคำนึงอยู่ตลอดเวลาว่า แม้ปริมาณน้อยลง แต่คุณภาพจะมากขึ้น อยู่ที่ขีดความสามารถ และจำนวน โดยมีประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากบอกกับคนไทยหรือไม่ เพราะลุ้นกับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ผบ.ทอ. กล่าวว่า กองทัพอากาศทำในเรื่องความมั่นคงเป็นวัตถุประสงค์หลัก รวมถึง offset policy ที่จะสร้างคุณค่าให้ประเทศ ทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญและการจ้างงานเป็น skill labour มีค่าแรงสูง เป็นโครงการนำร่องที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าสูง เป็นคุณค่าในภาพรวมทั้งหมด
ผบ.ทอ. ยังกล่าวขอบคุณที่มีการออกแบบ ผ้าไทยสุรินทร์ ลายแม่ย่านางกริพเพน ถือเป็นพลังที่เกิดจากประชาชนคนไทย และเป็นกำลังใจให้กับ น้องๆนักบิน และกำลังพลกองทัพอากาศ เพราะนอกจากกริพเพนแล้ว ยังมีเครื่องบิน F-16 ที่ปฏิบัติภารกิจเคียงคู่กันมาอย่างเข้มแข็งตลอดเวลา และ ยังมีเครื่องบินรุ่นอื่น ที่พร้อมปฎิบัติภารกิจ แต่ไม่ได้พูดถึง ทั้งในส่วนกองบิน 21 กองบิน 23 เครื่อง Alpha Jet เครื่อง F-5 และเครื่องบินทุกเครื่องมีความพร้อม โดยยืนยันเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยเท่านั้น การปฏิบัติภารกิจทุกอย่างปฏิบัติภายใต้กรอบกฎบัตรสหประชาชาติในการปกป้องอธิปไตยไทย ยืนยันว่ามีความพร้อม ซึ่งตนอาจพูดบ่อยหน่อย แต่ยืนยันในความพร้อมของกองทัพอากาศ
Advertisement