(19 ส.ค. 2568) ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี เมื่อเวลา 16.00 น. มีการประชุมประเด็นข้อสงสัยของ วัดพระบาทน้ำพุ โดยภายหลังประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้มารับฟังปัญหา ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก แต่ก็พบว่ามีข้อสังเกตหลายประการ
โดยเฉพาะปัญหาที่ดินของวัด พบว่ามีมูลนิธิเกี่ยวข้องกับวัดถึง 6 แห่ง บางมูลนิธิถือครองที่ดินในนามเพียง 100 ไร่ แต่กรรมการกลับครอบครองจริงกว่า 1,000 ไร่ จึงสั่งการให้ตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในนามมูลนิธิหรือส่วนตัว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการมูลนิธิมีศักยภาพทางการเงินพอซื้อที่ดินจำนวนมากได้จริงหรือไม่ และหากเป็นการถือครองแทนวัด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าจะมีการคืนเมื่อใด เบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีไปดูว่า มูลนิธิที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น มีการรับบริจาคอย่างถูกต้องหรือไม่ มีการใช้เงินอย่างถูกต้องหรือไม่ และเกี่ยวข้องกับวัดอย่างไร เพราะการเกี่ยวข้องกับวัดก็ถือว่าเป็นสมบัติของวัด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ การที่มีการตั้งมูลนิธิขึ้นมา ไม่บริจาคเข้าวัดโดยตรงก็เชื่อว่าเป็นเทคนิค ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นว่ามูลนิธิที่ตั้งขึ้นมาใช้อะไรจูงใจให้ประชาชนมาบริจาค มีการใช้ชื่อหลวงพ่อหรือชื่อวัดหรือไม่ ส่วนกรณี หมอบี ที่เปิดบัญชีตัวเองมารับเงินบริจาคแล้วค่อยนำเงินไปให้หลวงพ่อก็มองว่าเป็นกระบวนการที่ไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่ โดยเรื่องช่องว่างนี้ก็จะต้องไปพิจารณาแก้กฎกระทรวงด้วย
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการใช้เงินของมูลนิธิ เงินของวัดไปสร้าง "ใจฟ้า อคาเดมี่" สร้างสนามมากมาย อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายหลายแสนต่อเดือน ก็ต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตรวจสอบว่า เป็นการนำเงินไปใช้โดยถูกต้องหรือไม่ สมเหตุสมผลไหม แล้วทำไมต้องสร้างใหญ่โต เพราะหน้าที่ของวัดคือการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา จึงตั้งข้องสังเกตว่าการก่อสร้างดังกล่าวถือว่าทำเกินหน้าที่หรือไม่
นายสุชาติ ระบุด้วยว่า ได้ตั้งกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบประเด็นต่างๆ ไม่เกิน 10 วัน ส่วนเรื่องที่ทางตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมพยานหลักฐานอยู่นั้น ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนไม่ก้าวก่าย แต่หากตำรวจจะมีการประสานขอข้อมูลอะไร ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
ส่วนสถานะทางการเงินของวัด นายสุชาติ ระบุว่าเงินเหลือไม่เท่าไหร่ ขอไม่เปิดเผยยอดเงินในบัญชี แต่ยืนยันว่ายังพอจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟวัดได้ โดยมองว่าการใช้มูลนิธิเป็นตัวกลางทำให้การตรวจสอบซับซ้อนขึ้น และถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องนำไปปรับปรุงกฎระเบียบหรือกฎกระทรวงต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นเรื่องกระแสข่าวลือว่า หลวงพ่ออลงกต มีความสัมพันธ์กับสีกาหรือแอบมีครอบครัว จะต้องตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายสุชาติ จึงได้มอบหมายนายอำเภอให้ไปตรวจสอบ หาข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่และบุคคลใกล้ชิด และรายงานเรื่องนี้ให้ทราบภายใน 1-2 วัน / ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษา ก็จะให้ตรวจสอบว่าได้ใช้วุฒิในการเลื่อนสมณศักดิ์หรือไม่ หากใช้วุฒิปลอมหรือเอกสารราชการปลอมก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
เบื้องต้นตอนนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อก็ควรที่จะเข้าประชุม เพราะจะต้องเป็นผู้ชี้แจงทุกอย่าง ส่วนการที่หลวงพ่อไม่เข้ามาประชุมวันนี้ตั้งข้อสงสัยอะไรหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า "ท่านอาจจะติดภารกิจอะไรก็ไม่ทราบ หรือท่านจะไม่อยากเจอนักข่าวเราก็ไม่ทราบ ต้องไปถามท่านเองฝากถามด้วย"
ส่วนกรณีสังคมไม่มั่นใจหากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบวัด เนื่องจากมีข้อมูลว่าหลายงานมาขอความอนุเคราะห์ของหลวงพ่อลงกต ในการทำกิจกรรม ปรับปรุง สร้างอาคาร โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐในพื้นที่
นายสุชาติ ระบุว่า ต้องไปตรวจสอบ ว่าเงินที่นำไปสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว เป็นเงินส่วนไหน เป็นเงินส่วนตัวของหลวงพ่ออลงกตหรือไม่ หรือเป็นเงินของมูลนิธิ โดยให้ทางอำเภอเมืองลพบุรีไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เงินดังกล่าวใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของเงินที่ได้มาหรือไม่
Advertisement