วันที่ 15 ส.ค. 68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน กทม. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศ จะนำคณะทูตที่เป็นผู้แทนจากสถานทูตประเทศภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ที่บริเวณผามออีแดง เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่2 ในพื้นที่ ภูมะเขือว่า
เราพร้อมอยู่แล้วที่จะให้ผู้แทนนานาชาติ เข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เราได้เก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งชี้ชัดได้ว่า ทหารกัมพูชา เป็นผู้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทย ทำทหารไทยบาดเจ็บหลายราย
"มีทุ่นระเบิดที่เราเก็บได้ และจะพาไปดูจุดเกิดเหตุ ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ที่กัมพูชา วางเอาไว้ ซึ่งเป็นแผ่นดินไทยและเป็นระเบิดที่นำมาวางใหม่ ขณะนี้เราได้ทำการเคลียร์พื้นที่ปลอดภัยแล้ว" พล.ท.บุญสิน กล่าว
พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่อื่นที่จำเป็นต้องใช้ ทหารลาดตระเวนนั้น ในระหว่างนี้ สั่งการให้เฝ้าตรวจทางไกลก่อน ยังไม่ให้เข้าไปพื้นที่ หากเครื่องมือ อุปกรณ์ การตรวจทุ่นระเบิด ยังไม่เพียงพอ แต่หากมีความจำเป็นต้องลาดตระเวนให้ใช้เทคโนโลยี โดรน เฝ้าตรวจไปก่อนแทนการลาดตระเวน เพราะไม่คุ้ม พร้อมทั้งใช้ลวดหนามหีบเพลง ที่ได้รับบริจาคกับประชาชนขวางกั้นให้ทั่วถึงทั้งหมด
เมื่อถามถึงกรณี โซเชียลมีเดียแชร์รั้วลวดหนามหีบเพลงที่แข็งแรงของประเทศเพื่อนบ้านกับกัมพูชาของไทย มีโอกาสที่จะสร้างแบบนั้นได้หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการในอนาคต ซึ่งหากจะสร้างรั้วแบบนั้น ต้องได้รับความยินยอมกัมพูชา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประเทศเพื่อนบ้านเราทำได้ ซึ่งบาดจุด ที่มีการปักปันเขตแดนชัดเจนแล้วของไทย ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งอยากให้ทำ และทยอยทำไปเรื่อยๆ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ยอมรับว่าชายแดนไทย-กัมพูชา ยาวมากเกือบ 1,000 กิโลเมตร คือต้องใช้งบประมาณสูง
หากทำได้เช่นนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหา ลดการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ ใช้เทคโนโลยีเป็ดกล้องวงจรปิด ก็จะลดภาระงานของกำลังพล สำหรับปัญหาเรื่องโดรน บินล้ำแดน อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา
Advertisement