วันที่ 12 ส.ค. 68 จากกรณี กองทัพบกของไทย รายงานเหตุ ทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาขาด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 คาดว่ากัมพูชาลอบวางไว้ฝั่งไทยช่วงการปะทะก่อนล่าถอยออกไปนั้น
ต่อมากระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงตอบโต้ โดยพล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน และไม่มีมูลความจริงจากฝ่ายไทย ซึ่งกัมพูชาแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ว่า จะไม่ใช้หรือวางกับระเบิดใหม่โดยเด็ดขาด เพราะกัมพูชาเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งให้สัตยาบันในปี 2542 และได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความพยายามทำลายทุ่นระเบิดทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ กัมพูชายังได้เตือนประเทศไทยหลายครั้งว่า พื้นที่เหล่านี้ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม ทุกฝ่ายควรงดเว้นการสรุปผลต่อสาธารณะก่อนที่จะค้นหาความจริง เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเพิ่มความตึงเครียดและการเผชิญหน้า
ทั้งนี้กัมพูชาย้ำคำมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุผลสำเร็จเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 อย่างเคร่งครัด และรายงานการประชุมที่ตกลงร่วมกัน 13 ประเด็น ซึ่งได้บรรลุในระหว่างการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา-ไทย (GBC) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 68 กัมพูชาขอเรียกร้องต่อไทยให้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งสู่มติที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน ทั้งการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา-ไทย (GBC) ที่จะจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
Advertisement