(10 ส.ค. 2568) ที่พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดว่า หลังจากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่สงบลง รัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนช่วยเหลือและฟื้นฟูที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมในหลายด้าน
โดยรัฐบาลได้มีการประสานรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบที่ชายแดน ทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การเคลื่อนย้ายกลับที่ตั้ง การรักษาความปลอดภัย และการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ สส. หลายท่านโดยเฉพาะ สส. ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ในพื้นที่เพื่อประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และเร่งด่วน
โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมาที่ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชชัย พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อำนวยความสะดวกในการส่งพี่น้องประชาชนกลับบ้านและได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด (สุรินทร์, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, บุรีรัมย์) เพื่อติดตามและสั่งการ การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยได้สั่งการใน 5 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1. ข้อสั่งการเรื่องอำนวยความสะดวกในการกลับบ้าน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมช่วยเสริมรถเดินทาง ให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยอำนวยความสะดวกรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เตรียมอาหารแห้งและของใช้บางส่วน ให้พี่น้องประชาชนกลับไปใช้ในช่วงต้น
2. ข้อสั่งการเรื่องสำรวจความเสียหายและการซ่อมแซม มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบความเสียหาย เพื่อเบิกจ่ายเงินเยียวยา และให้ผู้ว่าราชการประสานทุกส่วนราชการที่ดำเนินการได้ เช่น ทหาร ช่าง อาชีวะศึกษา และโยธาธิการ ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน โดยใช้เงินทดรองจ่ายตามกรอบที่ดำเนินการได้โดยเร็ว
3. ข้อสั่งการเรื่องการลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน โดยเตรียมขอมติ ครม. เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค เว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2568
4. ข้อสั่งการเรื่องการสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกายและใจ โดยกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทั้งประชาชนที่มีการเสียขวัญจากสถานการณ์การสู้รบ และผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยเช่นกัน
5. ข้อสั่งการเรื่องการตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ โดยเตรียมขอมติ ครม.เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ช่วยดำเนินการในภารกิจดูแลประชาชนระหว่างช่วงอพยพ ในกรอบวงเงินวันละ 120 - 240 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสียงภัยตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลเพื่อไทย และสส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ทุกท่านพร้อมประสานความช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งคืนสภาพความเป็นอยู่ที่ดี คืนวิถีชีวิต คืนรอยยิ้ม บนผืนแผ่นดินไทยนี้ ให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาที่ พบว่า ประชาชนเชื่อใจกองทัพมากกว่ารัฐบาล
โดยนายดนุพร ระบุ ว่า กองทัพเป็นหน่วยงานในพื้นที่ การที่ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพเป็นสิ่งที่ดี แต่รัฐบาลก็ได้ทำงานร่วมกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียว มีการตั้งคณะกรรมการหลายชุด ที่มีทั้งกองทัพ และรัฐบาล ร่วมอยู่ด้วย ดังนั้น การที่ประชาชนเชื่อมั่นในฝ่ายปฏิบัติการ ที่ทำงานร่วมกันกับรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดี และถูกต้อง ขอประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของกองทัพ
ส่วนผลสำรวจสะท้อนความนิยมรัฐบาลหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า ไม่ แต่เชื่อว่าประชาชนเข้าใจดี ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ ตัวพึ่งหลักของประเทศ และตัวพึ่งหลักของรัฐบาล คือ กองทัพที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากองทัพ คือ กำลังหลักในการรักษาประเทศ และการที่ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพเป็นสิ่งที่ดี
Advertisement