"หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เข้าพบตำรวจ แจงปมร้อนเงินบริจาค ยันไม่หายตัว
"หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" แสดงความบริสุทธิ์ เข้าพบตำรวจกองปราบ ชี้แจงข้อมูลปมร้อนเงินบริจาค ยืนยันไม่หายตัวไปไหน
วันที่ 7 ส.ค. 68 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ เจ้าของเพจ งมงายสไตล์หมอบี ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านการสื่อสารกับวิญญาณ หรือด้านจิตสัมผัส เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หลังชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.เชิญตัวมาสอบถาม และ มายืนยันตัวเองว่าไม่ได้โกงเงิน ไม่ได้หายไปไหน ภายหลังมีกระแสข่าวเรื่องเงินบริจาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. กล่าวว่า พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้รายงานว่า หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ข้อมูล และแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งนี้เชื่อว่าการเข้ามาให้ข้อมูลครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากกระแสสังคมที่ตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการสอบปากคำเอาไว้เป็นหลักฐานในเบื้องต้น ก่อนจะพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เบื้องต้นได้รับการประสานงานจาก หนุ่ม กรรชัย ว่าเลขาฯของหมอบีมาขอเข้าพบตนเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เป็นคดี เป็นเพียงแจ้งให้ตรวจสอบ แต่ทางกองกับการ 1 ได้มีการรับมาสืบสวนไปไกลพอสมควรแล้ว จะมีการพูดคุยข้อเท็จจริง และจะให้ทางกองปรามปราบดำเนินการไปก่อน
ส่วนเลขาหมอบีจะให้ข้อมูลอะไรบ้างนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่ได้คุย จึงขอคุยกันก่อน ส่วนเข้ามาพบในฐานะอะไรนั้นก็ยังไม่แน่ใจ เพราะได้รับการประสานงานจาก หนุ่ม กรรชัยว่า เขาต้องการพบตนเองก็ไม่ปิดโอกาส
เมื่อถามว่า ขบวนการหลังจากนี้ในเรื่องของหมอบีจะเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ขอดูพยานหลักฐานก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และจะต้องเรียกคนที่ดูแลเรื่องนี้มาให้ข้อมูล และจะต้องขอข้อมูลจากทั้งหมอบี หรือเลขาหมอบีเพื่อเอาข้อมูลมาประกอบ ยืนยันว่าเราไม่ได้เชื่อใคร เราเชื่อข้อมูลพยานหลักฐานที่เราได้มาแล้วค่อยมาว่ากันว่าจะทำอย่างไรต่อ ส่วนจะเข้าเรื่องการทุจริต หรือฉ้อโกงก็ค่อยว่ากัน แต่ไม่ว่าจะเข้าในส่วนไหนเจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการอยู่ดี
เมื่อถามว่าจะต้องรอการแจ้งความอีกหรือไม่ หรือสามารถดำเนินการได้เลย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ขอดูข้อมูลก่อนถ้าพบว่าเป็นความผิดจริงๆ เป็นอาญาแผ่นดินเราสามารถดำเนินการเองได้แต่ถ้ามีคนมาแจ้ง เราเป็นเจ้าหน้าที่ก็อยู่ตรงกลางดีกว่า พร้อมบอกว่าถ้ามาถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทุกอย่างจะต้องชัดเจน
เมื่อถามว่า วัดที่เป็นคู่กรณีกับหมอบีเคยมาแจ้งเรื่องที่สอบสวนกลางหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตรวจสอบแล้วไม่มี แต่หากกรณีที่พูดคุยกับเพื่อนก็พอได้ยินมาเราก็รับฟัง แต่ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องดีๆ ที่ได้ยินมาแต่ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร วันนี้ถ้าเรารู้ข้อเท็จจริงก็ค่อยว่ากัน ยืนยันว่าเรารู้ข้อเท็จจริงเราจะดำเนินการทุกขั้นตอนให้ความเป็นธรรมทุกคน
เมื่อถามว่า หากวัดให้มูลนิธิของวัดซื้อที่ดินเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ป. บอกว่า เป็นปัญหาของวัดอยู่ตอนนี้ในเรื่องของมูลนิธิ การจัดตั้งมูลนิธิจะถือว่าเป็นนิติบุคคล แยกตัวออกมาจากวัดการดำเนินการของมูลนิธิอาจจะเป็นรูปแบบของเอกชน แต่กิจการที่ไปดำเนินการในวัดกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมของวัด ปัญหาตรงนี้เกิดขึ้นทุกวัด ซึ่งเราได้นำปัญหาตรงนี้เข้าสู่การประชุมใหญ่ของเถระสมาคมแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา เพราะถือว่าเป็นปัญหาของการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่าการจัดตั้งมูลนิธิของวัดอาจจะเข้าข่ายการเป็นนอมินีเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ประสงค์ ระบุว่า เป็นไปได้ เพราะตรงนี้ทาง ป.ป.ท. ได้เจอเส้นเงินจำนวนมากที่เข้าไปสู่มูลนิธิ ซึ่งกิจกรรมที่ทำของมูลนิธิ เป็นกิจกรรมที่ซ้อนกับของวัด หรือของสงฆ์ตรงนี้เป็นช่องว่างของกฎหมายที่ยังไม่สามารถบังคับใช้อย่างครบถ้วนจึงทำให้เกิดปัญหาวัดตั้งมูลนิธิซ้อนเข้าไปในวัด ซึ่งหลังจากนี้เราจะรวบรวมข้อมูล มูลนิธิที่ตั้งอยู่ในวัดหรือตั้งขึ้นจากเงินบริจาคของวัด เพื่อเป็นข้อมูลดำเนินการให้ทาง ดส. แก้ไข
นอกจากนี้ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ยังบอกว่าในส่วนของการจัดตั้งมูลนิธิมันอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เกิดความแคลงใจแต่อาจจะไม่ได้หมายความว่าทุจริตมันเป็นช่องว่างอะไรบางอย่างที่ทางศูนย์ให้ความสนใจเราอยากทำให้มันโปร่งใสเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักกฏหมาย เมื่อถามว่าสมบัติของมูลนิธิที่ได้มาจากการบริจาคสามารถจำหน่ายไปสู่ญาติพี่น้องของคนในมูลนิธิหรือวัดได้หรือไม่ นายภูมิวิศาล ระบุว่า ไม่ได้
Advertisement
