(6 ส.ค. 2568) ที่กระทรวง พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์กรณีการดูแลกลุ่มเปราะบางในศูนย์พักพิงชั่วคราวบริเวณจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญซึ่งที่ประชุมกระทรวงนำมาหารือในวันนี้และได้มีโอกาสพูดคุยกับทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัดในหลายจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนนั้น อาทิ จังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว ซึ่งยังมีพี่น้องประชาชนอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจำนวนมาก และยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง
ทางกระทรวง พม. ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่นำสิ่งของบริจาคมามอบให้จำนวนมากทั้งเงินบริจาคและสิ่งของต่างๆ บางรายนำมาบริจาคกว่า 10 คันรถ และบางครั้งเงินบริจาคที่ได้รับมานั้นเราต้องออกไปตามหาซื้อสิ่งของต่างๆ ซึ่งในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้อาจจะหาซื้อไม่ได้ง่าย ดังนั้น การได้รับบริจาคมาเป็นสิ่งของจะสะดวกมากกว่า และต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มีจิตศรัทธาทุกท่านซึ่งทางกระทรวง พม. ได้เร่งทยอยนำสิ่งของบริจาคกระจายไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ รวมไปถึงพื้นที่ที่เกิดปัญหาอุทกภัยทางภาคเหนือด้วยเช่นกัน
กระทรวง พม. จะดูแลทั้งด้านกายภาพและที่สำคัญคือด้านจิตใจ เพราะว่าสภาพของประชาชนที่เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ก็มีความตื่นตระหนกมากพอสมควรอยู่แล้ว การไปอยู่ในพื้นที่รวมกันอย่างนี้ บางทีอาจจะมีการพูดคุยกันสิ่งที่สำคัญที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งคือเรื่องข่าวปลอมทั้งหลาย บางครั้งอาจไม่ได้มีเจตนาแต่การที่พูดไปปากต่อปาก จากหนึ่งบวกหนึ่ง จะกลายเป็นสิบเอ็ดจึงขอฝากพี่น้องประชาชนว่าการบริโภคข่าวสารข่าวจากสื่อในช่วงนี้ ขอให้ใช้วิจารณญาณและการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน อย่าหลงเชื่อง่ายเกินไป จนทำให้เกิดความเครียด
ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ พี่น้องประชาชนยังไม่สามารถกลับเข้าไปภูมิลำเนาเดิมได้ หรือแม้แต่การประกอบอาชีพ เพราะเรายังไม่รู้ว่าเศษระเบิดที่ตกลงมาได้มีการเก็บกู้เรียบร้อยแล้วหรือยัง จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล เพราะว่าทางฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามา บางทีระเบิด บางทีไม่ระเบิด และถ้าหากไปเจอระเบิดที่ยังไม่ระเบิด จะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน ดังนั้น ขอให้อย่าเพิ่งย้ายกลับเข้าไปในเคหะสถาน จนกว่าทางฝ่ายความมั่นคงหรือฝ่ายทหารจะให้สัญญาณไฟเขียวเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม การดูแลสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ทางกระทรวง พม. มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลพูดคุยอยู่ตลอด แต่จากจำนวนของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่หลายๆ จุด ซึ่งพื้นที่บางจุดมีผู้อพยพเป็นหมื่นคน เมื่อเทียบกับจำนวนเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. บวกกับกระทรวงสาธารณสุข เราต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เหมือนกัน เนื่องจากเราทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน ตนได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า เรารับเรื่องเครียดมาแล้วอย่าลืมหาวิธีคลายเครียดให้กับตัวเองด้วย มิฉะนั้นจะเกิดความเครียดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการติดตามในแต่ละเคส การเข้าไปพูดคุยในแต่ละเคส เป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูสภาพจิตใจต่างๆ ด้วย
Advertisement