เพจ กองทัพภาคที่ 2 โพสต์รายงานล่าสุด "กระสุนตกฝั่ง สปป.ลาว เป็นกระสุนฝ่ายกองทัพกัมพูชา"
ตามที่ปรากฏข่าวสาร การรบปะทะระหว่างไทย - กัมพูชา แล้วมีกระสุนไปตกยังฝั่ง สปป.ลาว ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนฝั่ง สปป.ลาว นั้น ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
แต่จากการตรวจสอบและประสานกับ สปป.ลาว แล้วทราบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกระสุนจากอาวุธของกองทัพไทย แต่เป็นกระสุนของฝ่ายกองทัพกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน ที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
ในขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในฝั่ง สปป.ลาว ยืนยัน ไม่ใช่กระสุนจากฝั่งทหารไทยอย่างแน่นอน มั่นใจทหารไทยสามารถควบคุมการใช้อาวุธ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมได้สัดส่วน อยู่ในกรอบกติกาสากลอย่างเคร่งครัด
แต่ที่ผ่านมามักพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธ สนับสนุน ระยะไกล กระทำต่อเป้าหมายพลเรือนจำนวนมาก ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ในลักษณะเป็นไปโดยเจตนา และจงใจที่จะใช้อาวุธฯ ไปสู่เป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร อย่างเช่น การใช้อาวุธฯ ต่อโบราณสถาณ เพื่อมุ่งหวังให้สังคมโลก เข้าใจผิดต่อฝ่ายไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ
จนกระทั่งล่าสุด ก็ได้มีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างปืนใหญ่ เข้าไปในเขตสปป.ลาว ถ้าไม่เป็นไปโดยตั้งใจไม่สามารถผิดเพี้ยนไปได้ไกลขนาดนั้น ทั้งนี้คงเพื่อต้องการให้ สปป.ลาว และสังคมโลก เข้าใจผิดต่อฝ่ายไทย เหมือนความพยายามที่ผ่านมา
ซึ่งลักษณะพฤติกรรมดังกล่าว ยังมี ถือเป็นการกระทำการต่อสู้นอกกฎกติกา ขอให้งดเว้นการกระทำในลักษณะดังกล่าว เพราะการกระทำในลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษชายชาติทหาร เชื่อว่าจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือกัมพูชาในสายตาของสังคมโลกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กองทัพบก ยืนยันว่าฝ่ายไทยมีมาตรการควบคุมการใช้อาวุธอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ประชิดชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งนี้ กองทัพบกจะยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่าย สปป.ลาว เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศต่อไป
Advertisement