นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ "ฟังหูไว้หู" ของสำนักข่าวไทย โดยมี นายวีระ ธีรภัทร และ น.ส.ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการสด ในงานปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก
นายทักษิณ ตอบคำถามถึงประเด็น ปัญหาการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจหนักหนากว่ากันว่า ปัญหาเศรษฐกิจคาดการณ์ได้ อาจต้องใช้เวลา แต่ปัญหาการเมือง ทำนายยาก จิตใจมนุษย์เต็มไปด้วยความโลภกิเลส เป็นสิ่งที่เดาได้ยาก ยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่เป็นไปตามภาวะของโลก ที่คาดเดาได้
ส่วนดีลลับมีจริงหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันว่าไม่มีหรอกครับ มีการสร้างมาเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น ไม่มีดีลอะไรเลย แต่ดีลที่แน่นอนคือดีลกับทรัมป์ เมื่อถามย้ำว่าในตอนที่ตัดสินใจในปี 2566 ทุกคนเชื่อว่าต้องมี อย่างน้อยอะไรสักอย่างให้เกิดความมั่นใจ นายทักษิณ ระบุว่า ทางการเมืองไม่มี ไม่มีดีลการเมืองกับใครเลย กลับมาตามระบบ และทูลขอพระราชทานพระเมตตา ซึ่งก็ได้รับพระราชทานแค่นั้นเอง
นายทักษิณ ระบุ หากรัฐบาลนี้อยากเข้ามาทำธุรการกับธุรกิจ สามารถอยู่ได้สบาย ตลอด 4 ปี แต่เราอยากทำงานแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง
เมื่อถามว่าสถานการณ์ของท่านไม่ได้ดีไปกว่าสถานการณ์ของแพทองธาร ซึ่งในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ศาลอาญา นัดพิจารณาคดีมาตรา 112 นายทักษิณ ระบุว่า ไม่หรอกครับ ตนขึ้นศาลเอง ตนรู้ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขณะที่พยานอะไรก็ไม่รู้ และตนได้ถามพนักงานสอบสวน ถ้าวันนั้นไม่ถูกกดดัน พยานหลักฐานแค่นี้จะสั่งฟ้องตนหรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า อย่าว่าเรื่องสั่งฟ้องเลย รับคดี ก็ไม่รับ เราเคารพศาล สิ่งที่พูดเป็นการเล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน
"ตนผ่านการเมืองมา 51 ปี ลูกสาวตน อาสา เขาตามตนมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หาเสียงด้วยกันตลอด เพราะฉะนั้นความอยากใกล้ชิด ช่วยเหลือชาวบ้านมันอยู่ใน DNA ซึ่งเมื่ออาสาแล้ว เขาให้ทำก็ทำเต็มที่ แต่ถ้าเขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูกต่อไปเท่านั้น" นายทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่าคนนอกมองทำไมท่านต้องมายุ่งกับการเมือง นายทักษิณ ระบุว่า ประเทศไทยปัญหาเยอะ และซับซ้อน ถ้าอ่านพระบรมราชโองการ ลดโทษให้ตน ตนต้องรับสายเกล้า แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง ถือว่าไม่ถูกต้อง
จากนั้นพิธีกรถาม นายทักษิณ ว่า สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาทั้งหมดถ้าทำสำเร็จจะทำให้ประเทศไทยพ้นจากกำดักหรือไม่ นายทักษิณ กล่วว่า ต้องเอาเงินใหม่เข้าประเทศเยอะๆ เมื่อเงินสะพัดเงินใช้สอย เศรษฐกิจก็จะดี สมัยที่ตนหาเสียงไทยรักไทยมีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ หลังจากที่เราแก้ปัญหาหนี้ได้ สร้างโอกาสใหม่ หลังจากนั้นขายดี แต่ในครั้งนี้เป็นโชคดีและโชคร้าย คือเศรษฐกิจแย่ โครงสร้างทางเศรษฐกิจเสียหายเยอะ แต่ดีที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆจึงมีทางลัดได้หลายอย่าง แต่เราต้องนำมาใช้ให้ได้ เม็ดเงินเราไม่มีโดยตรง เพราะหนี้เยอะ เราสามารถใช้เม็ดเงิน 2 ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งคือเม็ดเงิน ที่เกิดจากการสร้างเหรียญขึ้นมา เช่นเราเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่อง เพราะปกติหนี้ไม่ใช่เป็นสภาพคล่อง แต่เราสามารถเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่องด้วยจีโคเคน ที่กำลังจะออก
พิธีกรถามว่า สมมุติว่าหากทำได้จากที่ นายทักษิณ พูดจากนี้ไปอีกกี่ปีที่ประเทศไทยจะลืมตาอ้าปาก นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกอย่างมันแย่มานาน จะให้เสร็จภายในข้ามคืนมันยาก แต่เราก็ต้องเริ่ม ระบบเราช้า ตนได้บอกกระทรวงการคลังว่าเรามาทำจีโทเคนกันหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะเข้าใจ แล้วเมื่อเข้าใจก็กลัว แต่ไม่ทันใจ ซึ่งสมมุติว่าตนจะเอาหนี้มาขายทั่วไป และในวันนี้พันธบัตรก็ขายสถาบันต่างชาติ เมื่อขายเราก็ให้สั้นหน่อย สมมุติว่าอยากจะไปซื้อรถยนต์ และรถยนต์รับพันธบัตร ซึ่งพันธบัตรต้องเสียภาษี รัฐจะได้อยู่ที่ 7% ถ้าเอาส่วนนี้มาจ่ายดอกเบี้ย 3% จะทำให้เกิดสภาพคล่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน
พิธีกรถามว่า จะทำปาฏิหาริย์ให้กลับมาเป็นครั้งที่ 2 จากปี 32 หรือไม่ อดีตนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าเราจะทำ แล้ววันนี้เป็นลักษณะของรัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือ ถ้าความร่วมมือมีมันไม่ยาก วิธีคิดเราไม่มีตันเด็ดขาด ฉะนั้น ที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือเอาเงินในทุกสภาพเข้ามาใช้ในประเทศไทยให้มากที่สุด
เมื่อถามว่าโมเดลเหมือนเป็นสูตรเดิม มีส่วนผสมอะไรใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่า สูตรเดิมแต่ปรุงใหม่ ยกตัวอย่างเช่น วันนี้รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เราจะดูวัตถุโบราณอย่างเดียวไม่พอแล้ว ก็ต้องสร้างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอะไรขึ้นมาบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทยเรามีบริการที่ดีที่สุดในโลก เพียงแต่คนเหี่ยวเพราะรายได้ไม่มี ฉะนั้น ต้องให้คนไทยคึกขึ้นมาใหม่ ซึ่งวันนี้คนไทยไม่มีความหวังเรา วันนี้เราต้องเอาความหวังกลับมาให้คนไทย ตนพยายามจะพูดเพื่อให้คนไทยมีความหวัง และไม่เคยมองอะไรยาก แต่บางอย่างต้องใช้เวลาและพยายามขอความร่วมมือ สิ่งที่ตนพูดทำได้ทุกอย่างไม่มีอะไรทำไม่ได้
พิธีกรถามว่า อะไรเป็นความเสี่ยงหลักที่ท่านกลัวที่สุดตอนนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง และบางคนเป็นประเภทแบบนกรู้ รู้ไม่รู้ก็ทำเป็นนกรู้ก่อน ซึ่งจะเกิดการชะงักเล็กน้อย ถ้าการเมืองเกิดการชะงักการบริหารประเทศก็จะชะงักตาม ฉะนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือเสถียรภาพทางการเมือง และจริงๆแล้วจากผลสำรวจคนสนใจคำว่าความหวังถึง 62% เพราะเขากังวลเรื่องของความมั่นคงทางการเงินของเขาเองในทุกครอบครัว ส่วนเรื่องการเมืองเหลือ 3% ตอนนี้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลอ่อนที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชน ที่ตนพยายามช่วยพูดคืออยากช่วยสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่างานทำอยู่และกำลังทำหลายเรื่อง ต้องอธิบายให้เข้าใจแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้จบ ได้ทำไปบางกรุ๊ปแล้ว แต่วันนี้ถือเงินไว้เพราะเจอภาษีทรัมป์ ถ้าเจอปัญหาขึ้นมาต้องดูว่าทำอย่างไรไม่ให้โรงงานเจ๊ง
เมื่อถามถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในกลุ่มอายุ 16-20 ปีนั้น ทำไมถึงถอดใจไม่ทำต่อ นายทักษิณ กล่าวว่า เงินไม่พอ เราต้องเก็บเงินไว้เก็บเงินเพื่อแก้ปัญหา ถ้าเราจะเพิ่มเพดานหนี้ก็ได้แต่ไม่ควรทำ ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ในเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาใหม่ 10 กว่าคน ก็ควรให้เขารีวิวหน่อย เพราะเนื่องจากมีคนค้านอยู่จำนวนหนึ่ง ตนสนใจว่ามีหลายกลุ่มของประชาชนที่ไม่เข้าใจยังมีอยู่ และครม.ใหม่ที่เข้ามาเพื่อความเป็นธรรมควรที่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ภายหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก" และ "พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต" ในงาน "ปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก" (Unlocking Thailand's Future) โดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แล้วเสร็จ นายทักษิณ ได้เดินทางกลับ โดยควงแขน น.ส.แพทองธาร
ผู้สื่อข่าวพยาพยามสอบถามว่า นายทักษิณ จะให้สัมภาษณ์หรือไม่ นายทักษิณ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยเพียงว่า "ประเด็นเยอะแล้ว พอแล้ว" พร้อมโบกห้ามสื่อ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และกลับโดยทันที
Advertisement