ศาลสั่งงดเผยแพร่คำเบิกความคดีป่วยทิพย์ หวั่นคลาดเคลื่อนสร้างความสับสน
ศาลสั่งงดเผยแพร่คำเบิกความคดีป่วยทิพย์ หวั่นคลาดเคลื่อนสร้างความสับสน ด้าน "ทักษิณ" ไม่กังวลยันถูกปฏิบัติตามกระบวนการ ไม่ได้เลือก รพ.รักษาเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 4 ก.ค. 68 นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังจากการเข้ารับฟังการไต่สวนของศาล
โดยวันนี้เป็นการไต่สวนพยานที่เป็นกลุ่มแพทย์-พยาบาล 5 ปาก เช่น พยาบาลในสถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพ , ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ , โรงพยาบาลตำรวจ และในจำนวนนี้มีแพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ว่าตอนนี้ศาลได้ไต่สวนพยานทั้ง 5 ปากเรียบร้อยแล้ว
แต่ของดการให้รายละเอียดเกี่ยวกับการไต่สวนพยานทั้ง 5 ปาก เนื่องจากศาลกำชับไว้ว่าในส่วนของคำเบิกความและข้อเท็จจริงรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลศาลให้งดเว้นในการนำเสนอ จึงไม่สามารถเปิดเผยได้จะเป็นการละเมิดอำนาจศาล
นอกจากนี้ยังมีใบเรียกพยานเพิ่มอีก 2 ปาก คือจะเพิ่มเป็นนัดวันที่ 25 ก.ค. 68 ดังนั้นพยานที่ศาลเรียกเข้ามาจะเป็นวันที่ 8 ก.ค. 15 ก.ค. 18 ก.ค. และ 25 ก.ค. นี้
ทั้งนี้หลังจากเข้าฟังการไต่สวนได้รายงานไปให้บุคคลใกล้ชิดนายทักษิณได้ทราบแล้ว ซึ่งนายทักษิณ ไม่มีความเห็นอะไร
เมื่อถามว่านายทักษิณมีความกังวลเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ นายวิญญัติ ยืนยันว่านายทักษิณไม่ได้กังวลอะไร เพราะถูกปฏิบัติโดยกระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการของผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก และนายทักษิณก็ไม่สามารถที่จะเลือกเองได้อยู่แล้วว่าอยากจะไปรักษาตัวที่ไหน
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเอาข้อเท็จจริงการเบิกความและการไต่สวนคำต่อคำ และเอกสารมาเผยแพร่ อาจจะทำให้เนื้อหาการไต่สวนข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์ โดยคครั้งต่อไปจะมีการไต่สวน 6-7 ปาก โดยจะไล่รายละเอียดไปเรื่อยจนกว่าจะได้ข้อยุติ
ซึ่งศาลได้มีการนัดเพิ่มอีก 2 นัดเป็นแพทย์สภา และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมของศาลที่ทำให้ความจริงปรากฏ ซึ่งวันนี้ได้ได้รับฟังความจริงไปแล้ว จากที่ไม่เคยทราบ ก็ได้เห็นเอกสารทั้งหมด เพียงแต่ศาลไม่อนุญาติให้เปิดเผย
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ระบุว่า ให้ข้อสังเกต 3 ประเด็น ว่าประเด็นที่หนึ่งคดีนี้มีความเชื่อมโยงกันระหว่างพยาบาลเวรแพทย์เวรและแพทย์ แต่ในภาพรวมทั้งหมดเป็นการดำเนินการของพยาบาลเวรเป็นหลัก โดยที่แพทย์เวรไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ประเด็นที่สอง ระยะเวลาในการส่งตัว ผู้ป่วยรายนี้ไปที่โรงพยาบาลตำรวจใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ซึ่งศาลได้ถามว่าทำไมไม่ส่งไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อนซึ่งใกล้ประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ถ้าผู้ป่วยมีอันตรายจะทำอย่างไร ซึ่งเป็นมุมที่ตนสังเกตดูแล้วก็ตอบยาก
ประการที่สาม มีถามว่า รู้มั้ยว่านักโทษรายนี้ คืออดีตนายกรัฐมนตรีเกิดถ้าปล่อยไว้ 2 ชั่วโมงที่อ้างว่าเจ็บหน้าอกหายใจหอบถ้าเป็นอะไรไปจะเป็นอย่างไร และภาพรวมพยายามก็เป็นคนประสานงานในการเลือก รพ.ตำรวจ
ด้านนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ระบุว่า ขอย้ำว่าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจ อยู่คนละตึกกับชั้น 14 ซึ่งเรื่องนี้ตนพูดมาตลอด เพื่อให้ประชาชนได้ตั้งข้อสังเกต ถ้าเป็นการส่งตัวฉุกเฉินจะต้องไปห้องฉุกเฉินก่อน แล้วถ้าตรวจแล้ว ไม่ฉุกเฉินจริงสามารถรักษาผู้ป่วยนอกแล้วก็ส่งกลับถ้าเกิดมีการหนักจริง ชั้น 14 ก็ไม่เหมาะสม ต้องไปสวนหัวใจ หรือ ccu ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนเองสังเกตและเชื่อว่าแพทย์และประชาชนทั่วไปก็ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีการเผยแพร่เอกสารข่าว โดยระบุว่า นัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ และทนาย จำเลย มาศาล ส่วนจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลไม่มาฟังการพิจารณา ศาลไต่สวนพยานได้ 5 ปาก ให้เลื่อนไปไต่สวนในวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 9 นาฬิกา ตามที่นัดไว้เดิม
อนึ่ง มีการนำข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของพยานซึ่งศาลไต่สวนในนัดก่อนออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในลักษณะคำต่อคำผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ซึ่งอาจทำให้พยานบุคคลที่จะมาเบิกความในลำดับถัดไปทราบข้อเท็จจริงที่พยานคนก่อนได้เบิกความไว้ และอาจทำให้ศาลไต่สวนแล้วได้ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมถึงอาจมีการนำคำเบิกความของพยานดังกล่าวไปวิเคราะห์หรือให้ความเห็นในทางคดี จนก่อให้เกิดความสับสนแก่สังคมได้ ประกอบกับกับข้อมูลด้านสุขภาพของจำเลยเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ศาลให้คู่ความและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีงดเว้นการเผยแพรโฆษณาคำเบิกความพยานบุคคลและพยที่ศาลไต่สวน.
Advertisement
