เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 24 มิ.ย. 68 ที่พรรคภูมิใจไทย นางสาว บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวผลการประชุมพรรคประจำสัปดาห์
นางสาวบุณย์ธิดาเผยว่า พรรคภูมิใจไทยมีมติ ในสมัยเปิดประชุมสภา ครั้งที่จะถึงนี้ในวันที่ 3 ก.ค.68 คือ ต้องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยจะมีการ เชิญชวน พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคให้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยในเรื่องเนื้อหานั้น เป็นผลที่เกิดจากการปล่อยคลิปเสียงนายกกับสมเด็จฮุนเซน
ส่วนประเด็นต่อมามีการ พูดคุยกันถึงพรบ.สถานบันเทิงครบวงจร คือพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยในส่วนของเนื้อหาและการให้มีกาสิโนอยู่ในประเทศไทยซึ่งในเนื้อหามีความไม่ครอบคลุมและไม่ชัดเจนในเรื่องประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ และเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตทั้งการรั่วไหลของเงิน และประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับจากพรบ.ฉบับนี้นั้นไม่ชัดเจน
นางสาวบุณย์ธิดา ยังกล่าวอีกว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นที่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ ร้ายแรง ว่านายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีทรัพย์สมบัติและธุรกิจอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ทั้งพรรคได้พูดคุยกันทั้งหมดยืนยันว่าไม่เคยมีกิจการในประเทศกัมพูชาและพร้อมให้ตรวจสอบรวมถึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยออกมาว่าใครกันแน่ที่มีทรัพย์สิน ถือว่าการเล่นด้วยโซเชียลมีเดียกล่าวหาคนนั้นคนนี้ต้องมีหลักฐาน
ด้านนายไชยชนก กล่าวเสริมว่า ยืนยันว่าตนและครอบครัวของตน ทั้งนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้เป็นบิดา ไม่มีธุรกิจอยู่ในกัมพูชาอย่างแน่นอน
"ไม่ว่าจะมีการปล่อยคลิปปล่อยข่าวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรตนยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอนถ้ามีข่าวที่มองเป็นอย่างอื่นนั้นเชิญคิดได้เลยตามสบาย" นายไชยชนกกล่าว
นายไชยชนก กล่าวอีกว่าหลังจากนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้านอย่างไรนั้น ต้องยืนยันว่าตนมีประสบการณ์ในการเป็นฝ่ายค้านที่ 0 ซึ่งจากการประชุมพรรคที่ผ่านมาได้ฟังการแชร์ประสบการณ์ของแต่ละสมาชิกซึ่งมาเล่าเรื่องว่าตั้งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้นชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร ซึ่งวิธีการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของตนนั้นก็คือตัวเอง ไม่ได้ดูว่าต้องทำแบบไหนและเราจะทำต่อไปด้วยความภาคภูมิใจในฐานะพรรคภูมิใจไทย
ด้านนายพิพัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสามารถดึงตัว สส.ได้ ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนได้กลายเป็นเจ้าของสวนทุเรียนไม่ว่าจะเรื่องการคุยกันในกลุ่มนักวิชาการหรือกลุ่มอื่นๆซึ่งมีกระแสข่าวว่ามีการคุยกับผู้ใหญ่ของอีกพรรคหนึ่ง ในเรื่องการนำสมาชิกพรรคภูมิใจไทยภาคใต้ออกจากพรรคภูมิใจไทยขอยืนยันว่ายังไม่เคยมีใครโทรมาหาต้นเลยแม้แต่คนเดียว
"ใครที่ปั่นกระแสกันอยู่ในขณะนี้ตัวผมเองขอปฏิเสธตัวของผมการที่มานั่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สองตนไม่ได้เป็นนักการเมืองแต่เข้ามาเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองเมื่อเข้ามาทำงานทางการเมืองแล้วสิ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด" นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่าในรัฐบาลที่ผ่านมาตนทำอย่างดีที่สุดตนรังเกียจกับการที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งปั่นกระแสเพื่อที่จะให้พรรคภูมิใจไทยแตกกันต้องขอยืนยันว่าตนชัดเจนเราไม่ใช่มาพร้อมเพื่อนแล้วสะละเรือ ตนอายุมากแล้วเราคงจะโลดแล่นในทางการเมืองไม่นานเพราะฉะนั้นตัวตนเลือกที่จะรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ในจุดยืนตรงนี้
ด้านนายไชยชนก กล่าวว่าตอนนี้มีสถานการณ์หลายสิ่งที่ไม่แน่นอนและดุเดือดขึ้นเรื่อยเรื่อย ทั้งเรื่องการเมืองและปัญหาต่างๆของประเทศวันนี้สิ่งหนึ่งที่ขึ้นมาคืนนี้นิติสงครามในเรื่องการสื่อสารต่างๆ จึงอยากฝากถึงประชาชนว่าตอนนี้เป็นเวลาที่สำคัญประเทศชาติต้องการ สติมากที่สุดอยากให้ทุกคนประเมินข้อมูลและสถานการณ์อย่างรอบคอบมีสติในทุกเรื่องทุกกรณี อยากให้ไม่ได้มองแค่สิ่งที่ถูกพูดแม้จากทางพรรคภูมิใจไทยเองแต่อยากให้มองและตัดสินใจจากการกระทำไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาลชุดใหม่รัฐบาลชุดก่อนหรือแม้กระทั่งพรรคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลก็ตามเวลานี้อยากให้ตั้งใจดูและตัดสินใจ
"โฆษกภูมิใจไทย" เผยส่งทนายไปรับทราบข้อกล่าวหา "ฮั้วสว." เมื่อเช้า ยันปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา พบข้อกล่าวหาไม่ชัดเจน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเรียกกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วส.ว.นั้น นางสาวบุณย์ธิดา เผยว่าได้ยื่นขอเลื่อนแต่บุคคลที่ได้รับหมายเรียกนั้นกรรมการทั้งหมดได้ส่งทนายไปรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อเช้านี้ ในประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าทำไมกรรมการบริหารพรรคไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองทำไมเรื่องนั้น
เพราะในหนังสือที่ออกมานั้นข้อกล่าวหาเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ชัดเจน ผู้ที่จะรับทราบข้อกล่าวหาทางผู้ที่เรียกต้องชี้ชัดว่าแต่ละท่านมีการกระทำความผิดในเหตุมูลฐานอะไรบ้าง ต้องลงรายละเอียดชัดเจนการกระทำสถานที่สถานที่ลงเวลาชัดเจน แต่ที่ได้ตรวจสอบกรรมการบริหารทั้งหมดไม่มีหมายเรียกบุคคลใดที่ลงรายละเอียดชัดเจน ไม่ระบุความผิดมูลที่แน่ชัดเมื่ออ่านแล้วฝ่ายกฎหมายฝ่ายทนายก็บอกว่าการออกหมายเรียกไม่สามารถเข้าใจได้ว่าคือข้อกล่าวหาอะไรแน่ ได้ส่งตัวแทนทนายไปคือการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและมั่นใจว่าเราสามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง แต่ต้องชี้แจงให้ได้ว่าลำดับขั้นตอนคืออะไรกันแน่
Advertisement