(21 มิ.ย. 2568) การชุมนุมของกลุ่ม คปท. และกองทัพธรรม บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา แกนนำและแนวร่วมสลับกันขึ้นปราศรัย ถึงข้อเรียกร้องในการให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกและพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ซึ่งมีมวลชนทยอยกันมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้พื้นที่การชุมนุมบริเวณบนทางเท้าและหนึ่งช่องการจราจรบนถนนพิษณุโลก
โดยไฮไลท์ของกิจกรรมวันนี้ มีการนำผ้าสีขาวมาเขียนข้อความระบายความในใจถึง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ก่อนจะนำไปทำกิจกรรมในวันที่ 24 มิ.ย. รวมถึงมีการล่ารายชื่อมวลชนที่ต้องการให้นางสาวแพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งด้วย และในวันนี้ ทางแกนนำกลุ่มย่อย จากการรวมตัวกันกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต ภายใต้ชื่อ "รวมพลังแผ่นดิน" ได้มีการหารือกันช่วงบ่ายที่ผ่านมา ถึงแนวทางการทำกิจกรรมชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 28 มิ.ย. ภายหลังการแถลงข่าวร่วมกันไปเมื่อวานนี้
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. บอกถึงไฮไลท์ของกิจกรรม ว่า วันนี้มีการหารือกันกับกลุ่มคณะโดยใช้ชื่อกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน โดยไม่ได้มีแกนนำ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกัน โดยผลการประชุมของวันนี้มีมติว่า จะทำการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิ.ย. โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 21.00 น. โดยมีเนื้อหาที่สำคัญบางประการที่ต้องเปิดเผยในวันดังกล่าว โดยเป็นเนื้อหาที่เป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่ยืนยันได้ว่านายกฯ กระทำผิดขั้นตอนและเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา
ส่วนกิจกรรมก่อนวันที่ 28 มิ.ย. ทางกลุ่มได้มีการหารือกันในการชักชวนประชาชนทั้งประเทศ ให้แสดงสัญลักษณ์ ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย ด้วยการติดธงชาติที่รถยนต์รถจักรยานยนต์รถจักรยานหรือการแต่งกาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และร่วมกันรณรงค์ผ่านโซเชียลโดยการ #28มิถุนาเรามาแน่ ซึ่งเป็นการรณรงค์ร่วมกันเพื่อให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ส่วนกิจกรรมในสัปดาห์หน้าจะมีการทำกิจกรรม รณรงค์ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมกันให้มากที่สุด โดยในวันที่ 24 มิ.ย. จะทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนำแผ่นผ้าที่ร่วมกันเขียนไปร้องทำเนียบรัฐบาล และนำรายชื่อไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่, 25 มิถุนายน จะรณรงค์รอบกรุงเทพมหานครและจะเดินทางไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากทางพรรคยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ว่าจะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่, 26 มิ.ย. จะรณรงค์ ทำกิจกรรมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ที่ศาลากลาง ในการร่วมกันร้องเพลงชาติเวลา 18.00 น. เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย 27 มิ.ย. จะเป็นวันที่มวลชนเดินทางมาสมทบกันที่เวทีการชุมนุม และ 28 มิ.ย. ชุมนุมใหญ่
ส่วนเนื้อหาการยกระดับการชุมนุม จะขอประกาศวันที่ 28 มิ.ย. เพราะทางกลุ่มประเมินแล้วเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี คงไม่ลาออกในเร็ววันนี้ ดังนั้นจึงต้องทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะยกระดับในรูปแบบใดจะขอประกาศในวันดังกล่าวทีเดียว ทั้งนี้คาดหวังว่าอยากให้มีมวลชนเดินมาร่วมชุมนุมกันมากที่สุด เพราะตอนนี้เริ่มมีการติดต่อมาจากพี่น้องหลายจังหวัดแล้ว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายกฯจะไม่ลาออกนั้น นายพิชิต ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกทักษิณ และนายกยิ่งลักษณ์ เขาก็ต้องการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่แล้ว และมองว่าการลาออกจะเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยืี่เจอกระแสข่าวแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นการดื้อดึงอยู่ไปไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและไม่เป็นผลดีต่อนางสาวแพรทองธาร ดังนั้นการดื้อดึงเกมต่อไปมีผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยมากกว่า
ส่วนกระแสข่าวที่นายกฯ จะลาออกหลังผ่านงบประมาณ ปี 69 นั้น นายพิชิต มองว่า เป็นเพียงกระแสข่าว เพื่อลดกระแสความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน แต่ที่ผ่านมาเขายอมแพ้
สำหรับกรณีที่ฮุนเซนออกมาโพสต์ถึงนายกฯอยู่เรื่อยๆจะยิ่ง เป็นแผลที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจหรือไม่ นายพิชิต ตอบว่า ต้องแต่แผลแรกแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจ ดัวนั้นต้องตั้งคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลคำนึงถึงเสถียรภาพเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่าประเทศไทยหรือไม่ ไม่ต้องมีคลิปหรือภาพหลุดหลังจากนี้แล้ว ใบเสร็จที่ฮุนเซนปล่อยออกมาในคลิปเสียง เป็นการบั่นทอนอธิปไตยของชาติ และหากพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันจะรักษาอธิปไตยต่อประเทศชาติ ถึงเวลาที่จะยืนฝั่งประเทศไทยด้วยการลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนที่ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบแม่ทัพภาคที่สอง และเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายพิชิต มองว่า เป็นแค่การกลบกระแสข่าวความขัดแย้ง เพราะวันนี้มีความขัดแย้งอย่างชัดเจนระหว่างกับกองทัพกับรัฐบาล ซึ่งทางกลุ่มมีหลักฐานที่จะใช้เปิดในวันที่ 28 มิ.ย. "แก้วที่มันร้าวแล้วกลับมาคืนดีไม่ได้" ฝ่ายกองทัพเข้าใจเรื่องนี้และอึดอัดกับเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่เปิดเผยความขัดแย้งออกสู่สาธารณะ
ส่วนการตอบโต้ทางเศรษฐกิจของไทยชัดเจนพอหรือยังที่ดำเนินกาากับกัมพูชานั้น นายพิชิต ระบุว่า ฝ่ายกองทัพก็เสนอเรื่องการตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ตนเองคิดว่าเพื่อเป็นการรบอย่างไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย การตอบโต้ทางเศรษฐกิจเป็นการกดดันอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะความเสียหายจากการสูญเสียชีวิตมันเรียกคืนไม่ได้ แต่การสูญเสียทางเศรษฐกิจสามารถสร้างได้ใหม่ จึงมองว่ามาตรการทางเศรษฐกิจเป็นมาตรการหนึ่งที่กดดันกัมพูชาได้
Advertisement