วันที่ 19 มิ.ย. 68 พล.อ.ต.สุรพล นะวะมวัฒน์ อดีตที่ปรึกษา รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ICT) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “สงครามในเงามืด ปฏิบัติการปล่อยคลิปเสียง กับบทเรียนที่คนไทยต้องรู้เท่าทัน”
“โดยนายทหารที่ผ่านพื้นที่การรบจริง และอดีตที่ปรึกษา รมต.ICT ผู้เคยปฏิบัติการข่าวสารในหลายพื้นที่ปฏิบัติการ ถ้าผมเป็นฮุนเซน ผมคงยิ้มออกตอนนี้แหละ เพราะแผน “สงครามจิตวิทยา” ที่วางไว้ กำลังได้ผล โดยที่คนไทยจำนวนไม่น้อย ยังไม่รู้ตัวว่า “ตกเป็นเครื่องมือ” ไปแล้ว การปล่อยคลิปเสียงสนทนา ระหว่างผู้นำสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันคือ “ปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก” (Psychological Warfare) ที่มีเป้าหมายเพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อผู้นำ”
“และทำให้ความมั่นคงของไทย ปั่นป่วนจากภายใน ในฐานะที่เคยทำงานด้านนี้ ผมจะบอกตรงนี้เลยว่า สงครามยุคนี้ไม่ได้ยิงกัน ด้วยกระสุนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยิงกันด้วย “ข้อมูล ความรู้สึก และอารมณ์ของประชาชน””
“ประเด็นที่คนไทยต้องตื่นรู้ เกมป่วนจากภายนอกได้ผลทันตา ยิ่งคนไทยแตกแยกกันเอง เสียงเรียกร้องให้ยุบสภา หรือแม้แต่รัฐประหารยิ่งดัง ฮุนเซนก็ยิ่งขำ เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือ “การทำให้ระบบการเมืองไทย เข้าสู่ภาวะสุญญากาศ” เพื่อให้เขา “เล่นเกมต่อ” ได้ โดยไม่มีฝ่ายตรงข้ามในระดับรัฐ”
“การรัฐประหาร = กับดักทางการทูต ประเทศใดก็ตาม ที่มีรัฐบาลทหาร มักตกอยู่ในความยากลำบากทางการต่างประเทศมีตัวอย่างให้ดู และรับรู้ได้จริงในช่วงรัฐบาล คสช.ข้อตกลง ความช่วยเหลือ การสนับสนุนจากพันธมิตรจะถูกแขวนไว้หมด และในจังหวะนั้น “เขมรจะเดินหน้าเต็มกำลังบนเวทีโลก””
“การรบ = เข้าทางอีกฝั่ง อย่าลืมว่าฮุนเซน ได้ฟ้องไทยต่อศาลโลกแล้ว ถ้ามีการปะทะเกิดขึ้นจริง ศาลจะถือว่าไทยใช้กำลัง และการตัดสิน มักจะไม่เป็นธรรม ต่อฝ่ายที่ใช้กำลังก่อน นี่คือบทเรียนจากเวทีโลก ที่ผมเคยเห็นมาในหลายประเทศ”
“คลิปเสียงคือเครื่องมือปั่นประสาท อย่าเอามาตัดสินว่า ใคร “ขายชาติ” จากบทสนทนาไม่ถึง 20 นาที เพราะคนทำงานด้านความมั่นคงจริงๆ รู้ดีว่า การพูดคุยระหว่างผู้นำ มันเต็มไปด้วยชั้นเชิง บางทีต้องยอมถอย เพื่อเอาชนะในอีกวัน อย่าให้เขมร “ยิงประชาชนไทยด้วยข้อมูล” แล้วคนไทยเราหันไปยิงกันเอง
คนปล่อยคลิป (ฮุนเซน) ไม่ได้ต้องการ แค่ให้คนไทยโกรธนายกฯ แต่ต้องการให้คนไทยทะเลาะกันเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ยิ่งคนไทยตีผู้นำของตัวเองเท่าไร ศัตรูก็ยิ่งเข้มแข็งเท่านั้น”
“วันนี้เราต้องถามตัวเองว่า “เราจะให้ต่างชาติแทรกแซง และกำหนดอารมณ์เรา ได้ขนาดนี้เลยหรือ? บทสรุปจากความคิดเห็นของผม ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่มีประสบการณ์และเรียนรู้ ในด้านนี้มากจาก การฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ อย่าจะขอกระตุกความคิด ให้พวกเราคนไทย ต้องมี “สติทางยุทธศาสตร์” ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ทางการเมือง” เราต้องปกป้องชาติ ไม่ใช่ด้วยอาวุธ แต่ด้วย “ความเข้าใจและวุฒิภาวะ” ถ้าศัตรูใช้ข้อมูลเป็นอาวุธ เราต้องใช้ปัญญาเป็นเกราะ อย่าเพิ่งรีบด่าผู้นำของเรา”
“เพราะคลิปเสียง ไม่ใช่ “ภาพรวมของข้อตกลง” มันคือ “ช่วงหนึ่งของบทสนทนา” ที่ฝ่ายตรงข้าม ตั้งใจเลือกมาให้เราฟัง อย่าใจร้อน อย่าใจเบา ถ้าเราแพ้สงครามข้อมูล #เราอาจไม่ต้องรบเลยก็แพ้แล้ว ผมขอให้คนไทยตั้งสติ และปกป้องประเทศของเราให้ได้ จากสงครามที่ไม่มีเสียงปืน แต่รุนแรงยิ่งกว่า”
“ด้วยความเคารพ จากคนเคยเห็นเลือดเนื้อ ความสูญเสียของประชาชน บนผืนดินของชาติอื่น ที่ได้ไปทำหน้าที่ ผู้สังเกตการณ์ทางทหาร ของ UN #ผู้การเสือ”
Advertisement