นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ กรุงเจนีวา ทุกเช้าจะต้องประชุมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการอุบลราชธานี ถึงการเตรียมพร้อม และได้ ติดต่อตรงทาง Line ตลอดกับผู้ว่าฯ ซึ่งความพร้อมของฝ่ายปกครองคือการสนับสนุนเป็นแนวหลัง เพื่อเกิดความมั่นคงและความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข หากมีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องอพยพ เราพร้อมที่จะมีศูนย์พักพิงให้ มีโรงพยาบาลสนามเตรียมเอาไว้ มีอาหารการกิน มีการจัดชุด ชรบ. และชุด อส.ไปดูแลบ้านเรือน ชุมชนของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัดไม่ใช่เพียงแต่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเรามีความพร้อมเต็มที่และมีความพร้อมสนับสนุน
นายอนุทิน กล่าวว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีบทสรุปมาว่า การตัดสินใจเรื่องยุทธศาสตร์เป็นเรื่องของกองทัพซึ่ง ถ้ากองทัพต้องการสนับสนุนใดๆ เช่น การปิดด่าน ปิดชายแดน ก็ให้แจ้งมาผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมที่จะดำเนินการตามการตัดสินใจของผู้ที่มีอำนาจ
ส่วนขวัญกำลังใจประชาชนในพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ระยะทางพื้นที่ยังห่างจากชายแดนหลาย 10 กิโลเมตร เราก็จัดชุดให้ไปเฝ้า ตามวิถีชาวบ้านที่ไปหาของป่า ก็ขอให้ยกเว้นสักพัก จะมีคนคอยลาดตระเวนดูแลในสวนแนวหลัง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะเกิดความปลอดภัยสูงสุด เพราะยังไม่มีกรณีลอบทำร้ายกันระหว่างสองฝั่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนยังใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ ซึ่งเขาก็พอใจ โดยเราจะไม่รบกวนกำลังของทหาร ที่ต้องดูแลการคุกคามของฝ่ายตรงข้ามตามแนวชายแดน ใน ส่วนนี้ทาง อส.ทาง ชรบ.และหน่วยฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอจะต้องคอยตรึงแนวหลัง ให้มั่นใจว่าความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้น คิดว่าไม่มีปัญหา
ถ้าเป็นไปได้วันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไป คณะเล็กๆ ชวนปลัดมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง ไปอย่างไม่เป็นทางการ และวันพุธที่ 11 มิ.ย. จะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวเขตชายแดนไทย - กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัดไปประชุมที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ว่าแนวทางในการสนับสนุนส่วนหน้า และแนวทางในการดูแลพี่น้องประชาชนจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อถามถึงกรณีที่ กระทรวงมหาดไทย และพรรคภูมิใจไทย เปลี่ยนโปรไฟล์ ติดแฮชแท็ก "ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขาด" นายอนุทิน กล่าวว่า "เราต้องให้กำลังใจกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะทำ พวกหนูคงไม่ทันหรอก ในสมัยคอมมิวนิสต์ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็มีการร้องเพลง ปลุกใจกันทั้งวัน เปรี้ยงๆ สายฟ้าฟาด หนักแผ่นดินแต่หวังว่ายุคนี้คงไม่ต้องร้องเพลงขนาดนั้น"
ส่วนมองอย่างไร ที่คนอาจมองว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรัฐประหาร นายอนุทินกล่าวว่า ยังไกลเกินไป คิดแต่เรื่องดีๆ คิดว่าความพยายามที่จะเจรจายุติความขัดแย้งยังดำเนินอยู่ ประเทศไทยก็ออกแถลงการณ์ชัดเจน ว่ายังเชื่อเรื่องของการใช้การเจรจา ตามหลักสากลในการที่จะยุติข้อขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้กำลังใจ
Advertisement