เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. 68 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป้าประสงค์ที่แท้จริง ของผู้นำกัมพูชา มี 3 ประการ คือ
1. การได้รับความเชื่อมั่น และกระแสชาตินิยมจากประชาชนชาวกัมพูชาว่าเขายังเป็นผู้นำที่แท้จริงของกัมพูชา
2. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์เหนือเขตแดนที่ชัดเจน โดยยึดแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ซึ่งแนบท้ายมากับสนธิสัญญา สยาม - ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ซึ่งเป็นแผนที่ที่หยาบมาก ไม่สามารถแบ่งเขตแดนที่ชัดเจนได้ และไม่ได้ยึดแนวเขตแดนตามสันปันน้ำตามใจความหลักของสนธิสัญญาฉบับนี้ ซึ่งใช้แนวสันปันน้ำจะมีแค่แนวเดียวเท่านั้นและพิสูจน์ได้ชัดเจน เป็นแนวเส้นแบ่งเขตระหว่าง 2 ประเทศ
3. หากศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาได้กรรมสิทธิ์ ครอบครอง วิหารสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย ตลอดจนพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) ก็จะสามารถสร้างกระแสนิยมให้กับกลุ่มผู้นำประเทศ
อย่างไรก็ตาม 1. อยากให้ประชาคมโลก รับทราบว่า กองทัพไทย ยึดมั่นตามสนธิสัญญาและกฏหมายระหว่างประเทศตามหลักสากล และเชื่อมั่นว่าการแก้ปัญหาระหว่างประเทศที่ได้ผลดีที่สุด คือกลไกของทวิภาคี ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศยึดถือ MOU 43 ซึ่งทำให้อยู่ร่วมกันโดยสันติมาโดยตลอด
2. สังคมไทย อยากให้คนไทยทั้งประเทศเกิดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติการทางทหารว่ากองทัพมีความพร้อมในการรักษาอำนาจอธิปไตยและรักษาความปลอดภัยของประชาชน โดยถ้าเรารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเราชนะแน่ We are one, we win!
3. สังคมกัมพูชา อยากให้คนกัมพูชาเห็นความจริงข้อหนึ่งว่า สิ่งที่ผู้นำของกัมพูชากำลังทำอยู่นั้น เป็นการทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องของตนเท่านั้น ประชาชนไม่ได้อะไร จากการสร้างประเด็นพิพาท
4.สุดท้ายคือ กำลังพลที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน อยากให้ทหารทุกคนเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจว่าเขาได้ทำหน้าที่การเป็นทหารของชาติอย่างแท้จริงแล้ว และไม่อยากให้รู้สึกโดดเดี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน พร้อมสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเขาเสมอ
Advertisement