เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา นาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงกรณีที่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลต้องทำสงครามยาเสพติดกับรัฐว้าแดงว่า ยืนยันตามนั้น เพราะวันนี้แหล่งยาเสพติดใหญ่ระดับโลกคือที่ว้า โดยเฉพาะยาเสพติดประเภทแอมเฟตามีนและยาบ้า ดังนั้นหากไม่ทำอะไร ยาเหล่านี้ก็จะแพร่ระบาดในเมืองไทย และแย่ลงแน่นอน เพราะวันนี้สถานะของประเทศไทยต่อเรื่องยาเสพติดมี 2 แบบ คือ 1.เป็นปลายทาง 2.เป็นฮับในการส่งออกไปประเทศอื่น
นอกจากนี้ ว้าแดงก็มีพฤติกรรมไม่ได้เกรงใจรัฐบาลไทยหรือประชาชน เพราะธุรกิจที่พวกว้าทำคือเหมืองทอง เหมืองแร่แรร์เอิทร์ และปล่อยสารพิษลงแม่น้ำกกจนเกิดการชุมนุมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แต่ถามว่าว้าหยุดไหม ก็ไม่หยุด เพราะเขารู้สึกว่าประเทศไทยจะไปทำอะไรเขาได้ เขาไม่คิดว่ารัฐบาลไทยจะมีน้ำยาอะไรไปดำเนินการ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่คำถามคือจะใช้มาตรการอะไร
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยหาก รมว.ต่างประเทศ จะไปคุยกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน แต่ย้ำว่าต้องคุยกับประเทศจีนด้วย เพราะมีพรมแดนติดกับเมียนมา ส่วนกลุ่มว้า ต้องมีมาตรการไล่จากเบาไปหาหนัก สำคัญคือต้องมีการขีดเส้นตาย
เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ระบุว่าจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวไปเจรจากับเพื่อนบ้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่รัฐบาล อยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำในเรื่องนี้ ตนเข้าใจว่า น.ส.แพทองธารอาจจะขอคำปรึกษาจากนายทักษิณ เพราะเป็นพ่อลูกกัน แต่หากประชาชนไม่ได้ยินว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร และต้องมารอฟังจากนายทักษิณ คิดว่าประเทศเรามีปัญหา และคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ว้าไม่เกรงใจประเทศไทยหรือไม่ เพราะเขาไม่รู้สึกว่านางสาวแพทองธารมีความเป็นผู้นำเพียงพอที่จะแก้ปัญหาหรือทำอะไรเขาได้
“คิดว่านายทักษิณควรส่งเสริมบทบาทของลูกสาวตัวเองให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแท้จริง ส่วนใครจะช่วยอะไรก็ขอให้วางบทบาทเป็นผู้หนุนนายกฯ ไม่ใช่ให้นายกฯเป็นนอมินี แล้วเอาตัวเองเป็นนายกแห่งความเป็นจริง” นายรังสิมันต์ กล่าว
Advertisement