นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่สั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่สั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดเฉพาะในส่วนของการระบายข้าว (จีทูจี) 50% เป็นจำนวน 10,028,861,880 บาท ว่า
จากเดิมศาลปกครองกลาง ตัดสินไว้อยู่ที่ 3 หมื่นกว่าล้านบาท และการพิจารณาครั้งนี้ทำให้เห็นว่า น่าจะมีประเด็นอะไรที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ จึงมีการพิจารณาลดทอนลงมาตามดุลยพินิจของศาล ซึ่งเราต้องเคารพ ซึ่งหน้าที่ของจำเลยที่ถูกกล่าวหา ก็มีหน้าที่ทำให้ความกระจ่างเกิดขึ้น ในสิ่งที่ตนเองคิดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้จะเป็นศาลฎีกาก็ตามแต่ยังไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพราะครั้งนี้มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้นำมาเป็นกรอบในการพิจารณา
ส่วนที่เป็นปัญหาที่ตนได้ทำงานไว้ในการขายข้าวได้ 200 กว่าล้านบาท ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า จริงๆ วิธีคิดตั้งแต่แรกมีปัญหา ในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการมองเรื่องข้าว ซึ่งในคดีนี้ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีการประกาศแล้ว ว่าจะนำไปเป็นหลักฐานใหม่ ซึ่งตนคิดว่าใช้มาตรฐานที่ตนได้ทำไปแล้ว ที่มีการพิสูจน์ว่าการขายข้าว 10 ปี ก็ยังขายได้ถึงกิโลกรัมละ 18 บาท ที่นำไปขายก่อนหน้านี้ในราคากิโลกรัมละ 5-6 บาท ซึ่งหากมีการพิสูจน์ทราบให้มีความชัดเจนมากขึ้น คดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังมีโอกาสที่จะนำมาทบทวน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ว่า อะไรจะเห็นว่าข้อมูลในการพิจารณากับข้อมูลที่ตนได้ทำ และการกำหนดราคาข้าวที่เปลี่ยนแปลงไป ว่า จะนำมาหักลบกันได้หรือไม่ และควรค่าที่จะมาเป็นหลักฐานใหม่ ก็น่าจะมีการทบทวนเกิดขึ้น
นายภูมิธรรม ยังระบุว่า การระบายข้าวขึ้นอยู่ที่ราคา หากเป็นราคาที่ตนขายกิโลกรัมละ 18-25 บาท สามารถขายได้หลายแสนล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักล้างสามารถชดเชยได้อยู่แล้ว ซึ่งการรับซื้อครั้งที่แล้ว เชื่อว่าทั้งหมดเป็นข่าวดี การนำไปขาย 5-6 บาท ต้องเป็นข้าวที่คุณภาพแย่และเน่าจริงๆ
พร้อมยังระบุว่า ตนก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการไปขายข้าวล็อตสุดท้ายที่เก็บไว้นานที่สุดยังขายได้กิโลกรัมละ 18 บาท เพราะฉะนั้น ก็เป็นข้อสงสัยได้ว่าระยะเวลาที่เก็บข้าวสั้นกว่านั้น ซึ่งมีเหตุผลอะไรที่ขายได้ราคาต่ำกว่า ต้องพิสูจน์ทราบตรงนี้ให้ชัดเจน และตนมองว่าเป็นโอกาสที่นำมาพิจารณาความเสียหายที่ชัดเจน และความเสียหายที่เกิดขึ้น ย้ำว่า เป็นไปตามกฎหมาย ตนเพียงแต่พูดในมุมมองไม่ได้ละเมิดการตัดสินของศาล
ส่วนหากมองในมิติทางการเมืองว่ากรณีนี้อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีที่จะส่งต่อรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นคำถามที่เครียดเกินไป ที่มองเป็นมิติการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นการขายข้าว ทิศทางไม่ใช่เรื่องการเมือง
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม ย้ำเรื่องการระบายข้าวล็อตสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครทราบข่าวเน่าจริงหรือไม่ เพราะโกดังถูกปิดตาย ไม่มีใครเข้าไปตรวจ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อจำเลย ที่เชื่อว่าข้าวไม่เน่า และนำเรื่องที่ตนขายข้าวได้ 18 ล้านบาท และก่อนหน้านั้นก็ไม่มีประจักษ์พยานและยังมีข้อสงสัยว่าข้าวเน่าจริงหรือไม่
ส่วนจะมีการขอใบเสร็จการระขายข้าวเพื่อนำเป็นข้อต่อสู้ในคดี หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของทนายว่าจะสู้ประเด็นไหน ซึ่งหากตนเป็นทนายก็จะยังไม่พูดเพราะเป็นข้อต่อสู้ที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ
Advertisement