Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
คณะ สว.สำรอง มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ DSI หลังออกหมายเรียกคดีฮั้วสว.

คณะ สว.สำรอง มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ DSI หลังออกหมายเรียกคดีฮั้วสว.

14 พ.ค. 68
13:35 น.
แชร์

คณะ สว.สำรอง เข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ DSI หลังออกหมายเรียก สว. คดีฮั้วสว. ล็อตแรก

เมื่อเวลา 10.00 น. (14 พ.ค. 2568) ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้ามอบช่อดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรม และรวดเร็ว ในคดีฮั้ว สว. ฟื้นศรัทธาของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. ได้ออกหนังสือเชิญ 55 สว. รับทราบข้อกล่าวหาตามความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ภายในวันที่ 19-21 พ.ค. 2568 จึงทำให้ดีเอสไอได้รับแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้าม และยังมีกระบวนการดิสเครดิต ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบพยานต่างๆ ในทุกรูปแบบ โดยมี นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับมอบช่อดอกไม้

โดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องความไว้วางใจการสืบสวนสอบสวนของ กกต. จากที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ซึ่งมี กกต. และดีเอสไอร่วมเป็นคณะผสมนั้น ตนไว้ใจในการสืบสวนไต่สวน เพราะที่ผ่านมา กกต. อาจมีข้อจำกัดในการแสวงหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อดีเอสไอมาร่วมด้วย มันก็จะมีข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอมีอยู่แล้ว ได้นำมาใช้คลี่คลายประเด็นต่างๆ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการออกหนังสือเรียก 55 สว. ชี้แจงถึงความเกี่ยวข้องต่างๆ ตนคิดว่าตรงนี้คือความมั่นใจที่เห็นการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ จากข้อมูลต่างๆ เชื่อว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 100 ราย แต่ก็คงจะมีการดำเนินการชัดเจนตามมาในเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่าเรามีความเชื่อมั่นในคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดนี้

พล.ต.ท.คำรบ เผยอีกว่า จากการติดตามข่าวสารสื่อมวลชนที่มีการสั่งการจากหน่วยงานอื่นๆ ที่แนะนำหรือให้แนวทางแก่หน่วยปฏิบัติของตนในพื้นที่ ในลักษณะที่อิดออด เหนี่ยวรั้ง เฉไฉนั้น ตนเชื่อว่าไม่ใช่แค่พวกเรา แต่สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนย่อมมองเห็นถึงข้อความในบันทึกฉบับนั้น คงเห็นเจตนารมณ์ว่าผู้เกี่ยวข้องคงอยากให้การดำเนินการในส่วนนี้เป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทราบว่ามีแรงกดดันมากมาย ดังนั้น เราออกมาในวันนี้นอกจากขอบคุณก็อยากให้กำลังใจฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ เพราะอย่างไรความจริงก็คือความจริง จะได้ทำให้บ้านเมืองเข้ารูปเข้ารอย และพี่น้องประชาชนจะได้วางใจในระบบความยุติธรรมของประเทศ

พล.ต.ท.คำรบ เผยต่อว่า สำหรับการทำงานของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและ กกต. รวม 7 ราย โดยเป็นชุดการทำงานที่มีรองเลขาธิการ กกต. เป็นประธานนั้น ซึ่งในเรื่องนี้ เลขาธิการ กกต. ไม่ได้มารับผิดชอบโดยตรง แต่รองเลขาธิการ กกต. ที่มาเป็นหัวหน้าชุด ส่วนนี้เราไว้วางใจการทำงานของท่าน

อย่างไรก็ตาม ได้มีประเด็นอื่นที่เราเคยไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการ กกต. ประมาณ 7 ฉบับ ส่วนนี้เองยังมีเรื่องที่ยังไม่เคลียร์ 2-3 เรื่อง โดยเฉพาะการตั้งกรรมการไต่สวน และเรื่องของเลขาธิการ กกต. ที่ได้มีผู้ร้องกรณีกล่าวหาว่าท่านละเลยไม่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องโพยต่าง ๆ ซึ่งปรากฏว่ามีคำวินิจฉัยออกมาทำนองว่าท่านไม่ผิด ซึ่งตรงนี้เราได้แย้งไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องไปติดตามต่อไป

ทั้งนี้ ทุกวันนี้ตนไม่ทราบว่าท่านเลขาธิการ กกต. มาทำงานทุกวันหรือไม่ เพราะหลังจากที่พวกเราได้ไปยื่นเรื่องและขอพบทางผู้บริหาร เราก็ไม่เคยพบท่าน และท่านก็ไม่เคยสื่อสารหรือให้คำตอบอะไรกับพวกเราเลยอย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาตนดีใจที่ทาง กกต. ได้เชิญพยานบางคนไปให้การโดยบอกว่าจะมีการสอบปากคำในเรื่องจดหมายที่พวกเราได้เปิดผนึกไป ก็คิดว่าน่าจะมีเรื่องของท่านเลขาธิการ กกต. รวมอยู่ด้วย แต่ปรากฏว่าเรื่องที่ไปสอบปากคำคือการพิจารณาเกี่ยวกับคณะกรรมการที่สอบท่านเลขาธิการ กกต. แต่เรื่องที่ เลขาธิการ กกต. ถูกกล่าวหานั้น ยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ทำให้อาทิตย์หน้าพวกตนก็จะไปติดตามความคืบหน้าต่อไป

พล.ต.ท.คำรบ เผยด้วยว่า ส่วนประเด็นเรื่องคดีอาญาที่ดีเอสไอรับผิดชอบดำเนินการเป็นคดีพิเศษ อย่างฐานความผิดอั้งยี่ ฟอกเงิน ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มคนจำนวนมากนั้น คดีอาญาดังกล่าวนี้ ทราบว่าดีเอสไอมีคณะพนักงานสอบสวนรวมทั้งสิ้น 41 ราย โดยมีอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ตนมองว่าชุดนี้มีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้น และคิดว่าจะดำเนินการได้ด้วยดี ซึ่งที่ผ่านมาเห็นทางโฆษกดีเอสไอให้สัมภาษณ์ว่าคณะพนักงานสอบสวนได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พยานหลักฐานพาณิชย์นิติวิทยาศาสตร์ และการตรวจข้อมูลในโทรศัพท์ต่างๆ มากพอสมควรแล้ว จึงเชื่อมั่นในการดำเนินการของคณะพนักงานสอบสวน

พล.ต.ท.คำรบ ระบุว่า สำหรับกรณีหนังสือที่ออกโดยปลัดกระทรวงมหาดไทยฉบับล่าสุดนั้น เท่าที่ตนได้อ่านรายละเอียด สรุปโดยรวมได้ว่าเหมือนเป็นการมากระตุกว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ไปสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องสมาชิกวุฒิสภาในพื้นที่ เตือนว่าให้พึงระวังในเรื่อง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และให้คำแนะนำกับหน่วยงานในพื้นที่ในลักษณะเหมือนเป็นการอิดออด หลบหลีก หลีกเลี่ยงที่จะอำนวยความสะดวก เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการจะไปสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ก็ตาม แต่ตนมองว่ากระบวนการสมัคร สว.ระดับอำเภอ ทาง กกต. ได้ตั้งฝ่ายปกครองเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับอำเภอ ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบในการรับสมัคร และการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้กระบวนการเกี่ยวกับการเลือกที่ไม่เข้าร่องเข้ารอยเริ่มต้นตั้งแต่ระดับอำเภอ เหมือนมีการรู้กันกับกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ บริหารจัดการเรื่องนำคนกลุ่มใดบ้างมาลงสมัคร ทั้งที่ความจริงแล้วตามระบบถือว่าเป็นเรื่องลับ แต่เจ้าหน้าที่ในการรับสมัครในบางพื้นที่ บางจุด กลับมีการแอบส่งข้อมูลว่ากลุ่มนี้ยังขาดคน

ดังนั้น ทำให้ผู้มีธิพลหรือมีเครือข่ายในการจัดวางระบบ ทราบว่ากลุ่มไหนมีคนจำนวนน้อยหรือมาก ทำให้บริหารจัดการคนได้ อีกทั้งยังมีความหละหลวมในการตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติระดับอำเภอ บางจุดค่อนข้างปล่อยปละละเลย ซึ่งถือเป็นการบกพร่องเรื่องตรวจสอบหลักฐานตั้งแต่ชั้นต้น ซึ่งเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองในพื้นที่โดยตรง ตนเกรงว่า หนังสือที่ออกมาล่าสุดนั้น เป็นการพยายามกลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองได้ดำเนินการหรือไม่

พล.ต.ท.คำรบ ระบุอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังมีข้อมูลระดับพื้นที่อำเภอโดยเฉพาะชายแดนภาคใต้ มีส่วนหนึ่งที่ได้เข้าไปกดดัน มีการเข้าไปดำเนินการจนมีผู้สมัครในพื้นที่ได้มีการร้องเรียน ท้ายสุดนายอำเภอท่านนี้กลับได้รับเลื่อนขึ้นเป็นปลัดจังหวัด แต่ในขณะเดียวกันได้มีจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ได้มีนายอำเภอท่านหนึ่งที่ทำงานไม่เข้าเป้าในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่ผ่านมา เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกแล้ว เขากลับถูกย้ายไปประจำที่กระทรวง ตนมองว่าในเรื่องนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทำความจริงให้ปรากฏและกระจ่างมากที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องของความมั่นคงและเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทย และทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ท่านมีอำนาจตามมาตรา 34 สามารถที่จะสั่งการหน่วยงานต่างๆ ให้สนับสนุนในภารกิจเรื่องการเลือกสมาชิกวุฒิสภาด้วย เพื่อที่การสืบสวนและไต่สวนจะได้เดินหน้าต่อไป โดยหลังจากนี้ตนจะได้หารือกับ กกต. ในประเด็นดังกล่าวนี้

พล.ต.ท.คำรบ ระบุต่อว่า กรณี นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ยืนยันว่าเราไม่ได้มีปัญหากับท่านโดยตรง แต่เพียงแค่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเมื่อปี 2566 และถูกเปิดเผยออกมาสู่สังคม เพราะมันเกิดจากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ สตง. 1 ราย ได้มีการกล่าวหาว่าอาจจะมีผู้บริหารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บางส่วนบางยุค มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น ทำให้มีเจ้าหน้าที่ สตง. 1 รายนี้ ออกมาเปิดเผยว่ามีข้อมูลที่มีผู้บริหาร สตง. เข้าไปทุจริตเรื่องการก่อสร้าง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ สตง. รายนี้กลับถูกแฉกลับว่า ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว โดยที่ถูกผู้ว่า สตง. ดำเนินการแจ้งความที่ สน.บางซื่อ ว่ามีความผิดในเรื่องของการให้สินบน 300,000 บาทต่อผู้ว่า สตง. เพราะต้องการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยในการดำเนินการนี้กลับมีนายฐิติเชฏฐ์ ไปร่วมด้วย ทำให้ผู้ว่า สตง. ไปแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ สตง. รายดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมี นายฐิติเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ดังนั้น เรื่องนี้ได้ถูกส่งต่อไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อความปรากฏเช่นนี้เราจึงมองเห็นว่า นายฐิติเชษฐ์ ได้ถูกกล่าวหาในลักษณะไปให้สินบนหรือร่วมในการให้สินบนกับเจ้าพนักงาน แต่ในขณะเดียวกันท่านมีหน้าที่ที่จะต้องมาตัดสินเรื่องที่ สว.สำรอง ร้องเลือกการเลือกตั้ง และเรื่องเทศบาลต่างๆ ดังนั้น การที่มาตัดสินตรงส่วนนี้ท่านอาจจะขาดความสง่างามหรือไม่ เราจะเกิดความไม่มั่นใจว่ามันจะมีการเอาเงินมาให้ กกต. หรือไม่ ความสุจริตเที่ยงธรรมในการตัดสินจะมีหรือไม่

ทั้งนี้ ด้วยความสงสัยในประการดังกล่าวจึงได้ทำหนังสือไปยังเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 17 ของกฎหมายการเลือกตั้ง เพื่อให้เลขาธิการวุฒิสภาซึ่งมีกรอบระยะเวลา 5 วัน ส่งเรื่องต่อไปยังกรรมการสรรหา เพื่อให้กรรมการสรรหาได้พิจารณาว่า นายฐิติเชษฐ์ ยังมีคุณสมบัติตามมาตรา 9(4) ซึ่งระบุว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จึงต้องรอดูผลการพิจารณาของกรรมการสรรหา ว่าจะมีผลอย่างไร

ส่วน นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เนื่องด้วยวันนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ติดภารกิจราชการ จึงได้มอบหมายให้ตนเองมารับมอบช่อดอกไม้กำลังใจ ตนอยากเรียนว่าโดยหลักการทั่วไปแล้ว ดีเอสไอทำตามพยานหลักฐาน ทำตามหน้าที่ตามที่ได้รู้จากการสืบสวนสอบสวน

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เผยว่า ดีเอสไอขอขอบคุณน้ำใจและไมตรีที่ สว.สำรอง ได้มอบให้ อย่างไรก็ตาม จะได้นำเรียนอธิบดีดีเอสไอรับทราบ เนื่องด้วยขณะนี้อธิบดีฯ อยู่ระหว่างการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ตนจะได้นำส่งกำลังใจให้ผู้บริหารรับทราบต่อไป

Advertisement

แชร์
คณะ สว.สำรอง มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ DSI หลังออกหมายเรียกคดีฮั้วสว.