น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์
โดย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ครบ 1 เดือนพอดีที่พบกัน วันนี้ที่กระทรวงพาณิชย์ตนเคยมาเป็นครั้งแรกค่อนข้างไกลจากทำเนียบเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่ได้มาเจอกับทุกคน เรื่องแรกครั้งที่ผ่านมามีการประชุมได้รับข้อเสนอจำทุกคนรู้สึกว่าเป็นประโยชน์และตรง ได้ไปทำในการขับเคลื่อนเรื่องการท่องเที่ยวแบบ Man - Made Destination และมีการขยายผลของการใช้ Traffy Fondue ทั่วประเทศไทยเพื่อเป็นช่องทางในการร้องเรียนหลักของรัฐบาล ตนจึงขอฝากทุกกระทรวงช่วยขยายผล เพื่อที่เป็นศูนย์กลางให้ประชาชน ผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยเรื่องมาตรการการสวมสิทธิสินค้าไทย และได้มีการแก้ไขปัญหาสินค้า และมีเรื่องธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมายในไทย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงช่วงโหว่ทางกฎหมายที่เอื้อในเรื่องการสวมสิทธิประกอบธุรกิจในลักษณะที่เป็นนอมินี ให้ช่วยกันตรวจสอบมาตรฐานสินค้าคุณภาพต่างๆ และอีกอย่างต้องทบทวนในเรื่องเงื่อนไขการเสนอการลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงานของคนไทย และใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศ รวมถึงการไปรับรองสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่อง one stop service ขอให้กระจายไปยังทุกกระทรวง เพราะการที่ประชาชนจะมาติดต่อ เรื่องที่ต้องการซัพพอร์ตเรื่องการลงทุน จึงอยากขอให้ทำ one stop service ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน.เพื่อที่จะลดขั้นตอนและประหยัดเวลา
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณ ซึ่งทางผอ.สำนักงบฯได้มีการรายงานตัวเลขมาเมื่อเดือนที่ผ่านมาพบว่าภาครัฐมีการลงทุนเบิกจ่ายเงินในระบบไปกว่า 5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 34% ของงบลงทุนทั้งหมด ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าดีขึ้นอย่างมาก แต่สามารถดีขึ้นได้อีก จึงขอความร่วมมือจากทุกกระทรวง แต่ก็ขอบคุณที่มารายงานอัพเดทอยู่เรื่อยๆว่าได้ลงทุนอะไรไว้บ้างแล้ว และติดอะไรอยู่ เป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับการอัพเดทในเรื่องนี้ ซึ่งเวทีนี้เป็นเวทีที่สามารถให้อัพเดทได้ในทุกครั้ง
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ คือการเร่งส่งเสริมสินค้าเกษตรไทย ซึ่งปัจจุบันสินค้าเกษตรมีราคาต่ำกว่าทุกปี จึงขอให้เร่งเรื่องนี้ให้มากและได้ทราบรายงานมาว่าผลไม้ไทยปีนี้จะล้นตลาด อย่างแรกจึงขอการสนับสนุนจากราชการทุกกระทรวงว่าถ้าจะมีการซื้อจากเกษตรกรก็ขอให้ช่วยปรึกษาปลัดกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ เพื่อสนับสนุนสินค้าเกษตรไม่ให้ล้นตลาด จึงต้องเริ่มทำแผนว่าจะใช้เรื่องการจัดซื้อสินค้าอย่างไรได้บ้าง และหาดขาดหรือต้องเติมอะไรบ้าง เพราะพอสินค้าล้นตลาด การกระจายไปยังภาครัฐ และเอกชนส่วนหนึ่ง ผลไม้บางอย่างก็อยู่ได้ไม่นานมาก ภายในประเทศบริโภคผลไม้ของไทยช่วยเกษตรกรได้มากขึ้น จึงขอให้ประสบความร่วมมือกันในเรื่องนี้ด้วย
ขณะที่โครงการไทยซีเล็ค กระทรวงพาณิชย์ทราบดีอยู่แล้ว ว่าต่างประเทศที่ใช้สินค้าขอเราจะสนับสนุนเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง อย่างร้านอาหารไทยที่อยู่ต่างประเทศ จะมีมาตรการการรับรอง และส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะหารือกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เพื่อหาช่องทาง ในการเชื่อมต่อกับร้านอาหารไทย ที่ได้รับการรับรองจากประเทศไทยจริงๆ เพื่อสามารถสนับสนุนธุรกิจของคนไทยในต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงราคาสินค้าเกษตร โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์พยุงราคาสินค้าให้ดี และมีเสถียรภาพ และพ่อค้าคนกลางก็ไม่อยากให้มีเพราะหากต้องผ่านเยอะก็จะเป็นเรื่องของต้นทุน เรื่องการร่วมมือของภาคเอกชน ก็สามารถพูดคุยกับ BOI ซึ่ง ป่นก็พร้อมที่จะสนับสนุนในเรื่องราคาสินค้าและหลังจากนั้นอาจจะมาคุยกันวงเล็กอีกครั้งหนึ่ง และในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบหลัก คืออการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนและการรับมือผลกระทบของมาตรการการค้าของสหรัฐ ขณะนี้กำลังทำอยู่แต่ก็พยายามใช้ FTA กับประเทศอื่นๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในเรื่องราคาสินค้าต่างๆ ก็ต้องดูประกอบกันไปด้วย ทั้ง FTA และสหรัฐว่าสิ่งใดจะสามารถเกิดสมดุลทางการค้าได้
Advertisement