Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เช็กลิสต์ ไทยทำอะไรไปบ้าง หลัง “ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี

เช็กลิสต์ ไทยทำอะไรไปบ้าง หลัง “ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี

9 เม.ย. 68
15:29 น.
แชร์

การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแบบฐานขั้นต่ำในอัตราร้อยละ 10 จากทุกประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ได้สร้างความตึงเครียดทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง

 

โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 36 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ ทั้งนี้ทางสหรัฐฯ ได้ให้เหตุผลว่าไทยเก็บภาษีจากสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่สูง 72%  และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 ขณะที่ในเวลาต่อมาทางสหรัฐฯ ได้ปรับแก้ตัวเลขเป็น 37%

 

ทางรัฐบาลไทย โดยนางสาวแพทองธาร​ ชิน​วัตร​ นายกรัฐมนตรี​ ได้ออกแถลงการณ์ท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 โดยระบุว่า ไทยได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะหารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

 

และได้มอบหมายให้คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาที่แต่งตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการติดตามและประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิดรอบด้าน เพื่อเตรียมข้อเสนอเพื่อปรับดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีสาระสำคัญเพียงพอให้สหรัฐฯ มีแรงจูงใจที่จะเข้าสู่กระบวนการเจรจากับไทย

 

จากนั้นวันที่ 6 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ถึงท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ในสัปดาห์หน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปหารือกับหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ที่มีส่วนได้เสียจากการเปลี่ยนแปลงการค้าที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้

 

โดยในวันที่ 8 เมษายน 2568 หลังประชุมสรุปกับคณะกรรมการและทุกหน่วยงานอีกครั้งหนึ่ง จะสรุปแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญ

 

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า “ไทยได้รับการตอบรับจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR เพื่อเจรจาแล้ว เหลือแค่กำหนดวันที่เข้าพูดคุยเท่านั้น ซึ่งไทยอาจเป็นชาติแรกที่ได้รับจดหมายตอบรับว่าสามารถเข้าไปเจรจากับสหรัฐได้”

 

ซึ่งแนวทางการเจรจาตอนนี้ทางรัฐบาลจะให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปเจรจาในรอบแรก ส่วนการติดตามรายละเอียดย่อยทางกระทรวงพาณิชย์จะรับช่วงต่อว่าจะพูดคุยอย่างไรต่อไป

 

ในวันเดียวกันนั้นนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า การวางยุทธศาสตร์รับมือมาตรการ Reciprocal Tariff และ liberation day ต้อง ‘รู้เขา-รู้เรา-เร็ว-แม่นยำ และมีการเตรียมข้อมูลที่ครบและรอบด้าน มีการติดตามความเคลื่อนไหวจากทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อประเมินและหาข้อสรุปในการเจรจาที่จะมีต่อไปจากนี้

 

อย่างไรก็ตามการเจรจาไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจบ แต่การเจรจาจะต้องใช้เวลา และมีการเจรจาในหลายระดับที่แตกต่างกัน นายกรัฐมนตรียืนยันว่า “รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง เราจะดำเนินการทุกอย่างโดยรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ และไม่ให้เสียเปรียบมากที่สุด”

Advertisement

แชร์
เช็กลิสต์ ไทยทำอะไรไปบ้าง หลัง “ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี