Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ชายเจ้าของรถกระบะ รับขาดสติ ล่าสุดตกงาน ถูกบริษัทเลิกจ้างแล้ว

ชายเจ้าของรถกระบะ รับขาดสติ ล่าสุดตกงาน ถูกบริษัทเลิกจ้างแล้ว

19 ต.ค. 68
15:53 น.
แชร์

ชายเจ้าของรถกระบะอ้างไม่มีจนท.ดูแลต้องเข็นแม่เข้าห้องฉุกเฉินเอง แต่ยอมรับขาดสติ โวยรพ.สื่อสารไม่หมด ล่าสุดตกงาน ถูกบริษัทเลิกจ้างแล้ว

กรณีเพจของโรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โพสต์เรื่องราวของผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่เสียชีวิตลงเนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อส่งต่อไปรักษาได้ เพราะมีรถกระบะจอดปิดทางเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลายเป็นกระแสดรามาที่สังคมให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวติดต่อไปที่ชายเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าว ชี้แจงผ่านทางโทรศัพท์ว่าวันเกิดเหตุ ตนเองพาแม่วัย 69 ปี มีอาการป่วยด้วยกรดไหลย้อน ทำให้จุกแน่นหายใจไม่ออก ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็คือโรงพยาบาลปลายพระยา ตอนที่ตนไปจอดส่งแม่ ก็ไม่มีจนท.ของโรงพยาบาลมารับตัว ตนจึงต้องให้ภรรยาไปเอารถเข็น และช่วยกันเข็นแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพราะแม่มีอาการอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตอนนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่ารถฉุกเฉินที่จอดอยู่เพิ่งเข้ามาจอดหรือเตรียมจะออกกันแน่ และไม่รู้ด้วยว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินรอขึ้นรถฉุกเฉินภรรยาต้องไปติดต่อทำประวัติกับพยาบาล ตนจึงต้องเข็นแม่ไปขึ้นเตียงในห้องฉุกเฉิน ช่วงนั้นไม่มีจนท.เข้ามาดูแลตน จึงต้องเรียกให้จนท.เข้ามาดูแลแม่ด้วย เป็นจังหวะที่จนท.มาบอกให้ตนไปเลื่อนรถ แต่ไม่ได้บอกว่ามีผู้ป่วยวิกฤตรอขึ้นรถฉุกเฉินอยู่ ตนเลยบอกกับจนท.ว่าตนขอพาแม่ขึ้นเตียงผู้ป่วยก่อน แล้วจะไปขยับรถให้ ตอนนั้นหากมีจนท.มารับแม่ตนไปขึ้นเตียงผู้ป่วยแล้วบอกตนว่าให้ตนไปขยับรถให้ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งก่อนมันก็คงไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา ตนจึงหันไปบ่นต่อว่ากับจนท.ว่า ทำไมถึงไม่แบ่งคนดูแล จากนั้นตนก็เดินออกจากห้อง เพื่อจะไปเลื่อนรถให้ แต่ตนก็ไม่เห็นผู้ป่วยฉุกเฉินดังกล่าวแล้วก็เข้าใจว่าจนท.น่าจะพาขึ้นรถฉุกเฉินไปแล้ว จังหวะที่เดินออกมา ตนก็เห็นลูกสาวของผู้ป่วยคนดังกล่าวมาพูดกับตนว่าให้ช่วยเลื่อนรถให้ตนก็เดินออกมาจะเลื่อนรถ แต่ก็เห็นว่ารถฉุกเฉินเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ทางญาติของผู้ป่วยรายดังกล่าวก็มายืนต่อว่าภรรยาตน ตนก็ต้องพูดคุยเพื่ออธิบายว่าแม่ของตนก็อาการหนักเหมือนกันเพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ทราบจริงๆว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวจะไปเสียชีวิตตรงไหน

ตามคำแถลงของโรงพยาบาล ก็ไม่ได้ระบุว่าผู้ป่วยไปเสียชีวิตที่ไหนยังไงเวลาไหน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้อธิบายให้เข้าใจทั้งหมด มีเพียงภาพบางส่วนที่ทำให้เห็นว่าตนขัดขวางจนท.รวมถึงตอนที่ลูกสาวผู้ตายมานั่งอ้อนวอนขอให้ตนไปขยับรถตอนนั้นตนเองก็กำลังจะเดินไปขยับรถให้อยู่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่สื่อสารให้เห็นทั้งหมด ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นการกราบอ้อนวอนขอ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับลูกสาวผู้ตายเลย

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องตนเอง ก็เตรียมส่งเงินชดเชยส่วนหนึ่งจากบริษัทที่ทำงานไปให้กับญาติผู้เสียชีวิต ส่วนตัวของตนเองก็ถูกบริษัทเลิกจ้างไปแล้ว ต้องกลายเป็นคนตกงาน ค่าชดเชยจากบริษัทตนเองก็ไม่ได้ส่วนภรรยาก็ต้องรอออกจากงานสิ้นปีเช่นกัน อย่างไรก็ตามตนเข้าใจที่กระแสสังคมมารุมด่าว่า และไม่โกรธผู้คนในโซเชียล เพราะเข้าใจว่าเขาได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว สังคมไม่ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนเองก็คงจะไม่ปะทะกับจนท.แบบนี้ ยอมรับว่าตนเองก็ขาดสติ เพราะตนเหลือแม่เพียงคนเดียว ส่วนที่โรงพยาบาลกับญาติผู้เสียชีวิตจะดำเนินคดีกับตน ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการเพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องของคดีอาญา แต่จะให้ตนติดต่อหาญาติผู้เสียชีวิตตอนนี้ตนคงยังไม่ติดต่อ เพราะตอนนี้มันยังเป็นกระแส และญาติผู้เสียชีวิตคงยังทำใจไม่ได้ อาจต้องรอให้เสร็จเรื่องงานศพไปก่อนจึงจะติดต่อไปพูดคุยกันอีกที

ในส่วนของการเตรียมแจ้งความดำเนินคดีของทางรพ.ปลายพระยาเบื้องต้นทางนิติกรของโรงพยาบาลมองว่ากรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดในหลายข้อหาเช่น ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ขณะปฎิบัติงานมาตรา 138 ข้อหาฆ่าผู้อื่นมาตรา 288 และข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมาตรา 291 นอกจากนี้หากมีความผิดตามพ.ร.บ.อื่นก็จะดำเนินการทั้งหมด

ล่าสุด บริษัท CPF เผยแพร่ คำชี้แจง กรณีเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ระบุว่า บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ภายหลังจากที่ได้รับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบและพบว่าบุคคลในเหตุการณ์นั้น เป็นพนักงานของบริษัทจริง

เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงโดยรอบแล้ว บริษัทเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับค่านิยมและหลักการดำเนินงานขององค์กร จึงมีมติให้ยุติการจ้างพนักงานรายดังกล่า;

ทั้งนี้ บริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

Advertisement

แชร์
ชายเจ้าของรถกระบะ รับขาดสติ ล่าสุดตกงาน ถูกบริษัทเลิกจ้างแล้ว