ยังคงความสวย เผ็ช ดุ อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ นักร้องคุณภาพ แดง ฉันทนา โลดแล่นในวงการบันเทิง มีทั้งงานแสดงและงานเพลงมากว่า 60 ปีแล้ว ล่าสุดได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนชีวิตกว่าจะก้าวเข้ามาจับไมค์ร้องเพลงโด่งดังขึ้นแท่นดีว่า เริ่มจากงานวัด พร้อมเล่าวีรกรรมช่วงวัยซ่าที่มีเรื่องจนขึ้นโรงพัก และคำสัญญาใจที่ให้ไว้กับเพื่อนรัก เม้า สุดา และลูกสาว แอม เสาวลักษณ์
ถาม สุขภาพเป็นยังไงบ้างแม่แดง
แม่แดง ฉันทนา : ปีนี้ชักจะไม่ค่อยดี แต่แม่ก็พยายามซ่าไว้ก่อน เพราะว่าถ้าหงอย เดี๋ยวลูกแอมไม่ให้ออกจากบ้าน อย่างมาออกรายการวันนี้ก็ไม่ได้บอก แอบมา ถ้าบอกเขาจะโทรมาแคนเซิล ไม่ให้เราออกจากบ้าน ที่บอกว่าไม่ดีตอนนี้คือมีอาการของพาร์กินสันมาด้วย แล้วแม่เป็นโรคเลือดเลี้ยงสมองไม่ทันเฉียบพลัน บ้านหมุนบ่อยมาก ซึ่งหนึ่งในวิธีรักษา คุณหมอให้จิบไวน์ เพราะว่าเราจะได้นอน ซึ่งก็เป็นการช่วยได้ในระดับหนึ่ง และใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น
ถาม ย้อนกลับไป แม่แดงคือดีว่าตัวจริง เวลาจัดคอนเสิร์ตคือคนแน่นมาก และจะต้องขึ้นคอนเสิร์ตแม่แดง แม่เม้า ตลอด ร้องเพลงมาได้กี่ปีแล้ว
แม่แดง ฉันทนา : พวกเธอยังไม่เกิดกันเลย ประมาณ 60 ปี เข้าวงการตอนประมาณ 13 ขวบ ครอบครัวของเราทั้งหมดเป็นนักดนตรีแล้วก็เล่นละครด้วย เรียกว่าเราก็เป็นลูกไม้ใต้ต้นอยู่แล้ว และมันก็เป็นสิ่งที่เราชอบด้วย แต่ที่เราร้องแตกต่างจากนักร้องในยุคนั้น เราเลือกที่จะร้องเพลงสากลซะมากกว่า พอเราเข้าวงการ ก็เห็นพี่สวลี ผกาพันธุ์ หรือรุ่นพี่ๆ อีกมากมาย เขาร้องจนเราไม่กล้าหือเลย เราเลยต้องถอยมาร้องเพลงสากล ถามว่าเราเคยร้องเพลงแนวสุนทราภรณ์ไหม เคยนะคะ แต่ถามว่าใช่ทางเราไหม ไม่ใช่ทางเรา แต่เราแถมให้คนดู เวลาที่เราไปแสดงก็จะจัดเต็มโชว์ตลอด เพราะเราอยู่ในวงการเราต้องถีบตัวให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ให้เด็กรุ่นใหม่มาเหยียบเราลง
ถาม พรสวรรค์ของแม่ในการร้องเพลงสากล ช่วงแรกใช้วิธีการเขียนเป็นภาษาไทย เหมือนเป็นคาราโอเกะแบบนี้เหรอ
แม่แดง ฉันทนา : เป็นภาษาอังกฤษแหละ แต่เพราะว่าพี่ชายเป็นคนสำเนียงดีมาก เขาก็จะจดมาให้ว่าตัวนี้ต้องออกสำเนียงแบบนี้ ออกเสียงแบบนี้ แล้วเขาก็ออกสำเนียงให้ฟังด้วย
ถาม ในสมัยนี้คือตั้งกล้องเอง ปล่อยเพลงเองในยูทูบก็เป็นนักร้องได้แล้ว แต่เมื่อก่อนกว่าจะเป็นนักร้องได้ กว่าจะฉายแสงขึ้นมายากขนาดไหน
แม่แดง ฉันทนา : ต้องไปงานวัดอย่างเดียว เราต้องพาตัวเองไปร้องโชว์ที่งานวัดให้เป็นที่รู้จัก ให้มีคนเห็น ก็มีได้เงิน แต่ก็ไม่ได้มาเหมือนสมัยนี้ ไม่ได้จะไปอยู่ข้างเวทีแล้วทำขึ้นไปร้องเพลงได้เลยนะ ในตระกูลเรามีพี่ชายเป็นนักดนตรีเล่นวงทับฟ้า แล้วก็อีกหลายๆวงแม่เม้า เขาก็ไปเหมือนกัน พี่ชายเราก็บอกเขาว่าเราที่เป็นน้อง ร้องเพลงได้ พอเขาเห็นแววเรา ก็ให้เราไปร้องที่งานวัด เริ่มต้นจากการแนะนำกัน พอเราได้เข้าไปทำ เขาก็เห็นว่าเราทำได้ดี หลังจากนั้นเราก็อยู่กับวงมาตลอด แล้วก็เรียนหนังสือไปด้วย
ถาม หลังจากนั้นชื่อของแม่ก็ค่อยๆ เลื่องลือ เป็นที่รู้จักไปทั่ว เรียกว่ามีผลงานและมีฝีมือจริงๆ แล้วมาเจอกับ แม่เม้า ได้ยังไง โตมาด้วยกัน หรือมารู้จักถึงได้เข้าคู่กันมาตลอด
แม่แดง ฉันทนา : แม่เม้ามาร้องในกรุงเทพฯ ก่อนแล้ว แม่แดงอยู่ต่างจังหวัดแล้วก็เข้ามาในกรุงเทพฯ พี่ชายพาเข้ามา ก็ไปเจอเม้า เราก็มองเขาว่าทำไมเขาสวยจังเลย ทำยังไงเราถึงจะสวยเหมือนเขาบ้าง แม่ก็พยายามมองเขาว่าแต่งหน้ายังไง แต่งตัวยังไง แม่พยายามทำตามเขา เพราะว่าแม่มาทีหลัง แต่มันก็ทันกันเวลาที่แม่ร้องเพลงเป็นก็โอเคเลย ตอนแรกที่มาเจอกันคือเรายังไม่ได้สนิทสนมกันนะคะ แต่พอเรามาเจอ ไปงานวัดโน้นนี่ด้วยกันบ่อยๆ แล้วเมื่อก่อนนี้ใต้สะพานพุทธมีสถานีวิทยุใช่ไหม เราก็ไปเจอกันตรงนั้น แต่พอมาเจอกันจริงๆ ที่ไปไหนไปด้วยกันคือตอนลูกเป็นสาวแล้ว เพราะด้วยความที่เรามีความเป็นแม่เหมือนกัน เราเลยสนิทกัน แล้วที่เวลาเห็นเราขึ้นโชว์ เราด่ากันบนเวที เพราะเราสนิทกันมาก
ถาม เป็นนักร้องสาวที่ซ่ามาก ระหว่างแม่แดงกับพี่แอม ใครซ่ามากกว่ากัน
แม่แดง ฉันทนา : แม่ว่าแม่ซ่ากว่านะ เพราะว่าเมื่อก่อนแม่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์มาก ชอบมาก ไม่ชอบนั่งรถเมล์ ก็เลยซื้อมอเตอร์ไซค์ แล้วก็สร้างวีรกรรมที่เอาไมค์ไปตีหัวแขกที่มาฟังเพลง เพราะว่าเขาแซวถึงลูก ลูกคือดวงใจของเรา โตแล้วใช้ได้แล้ว เราก็เอาไมค์ตีหัวเลยขึ้นโรงพัก แต่ถ้าเขาทำกับตัวเราเอง เราก็เดินไปที่โต๊ะแล้วก็เอาเบียร์ราดหัวเขาเลย แต่ตอนนี้หายซ่าแล้ว
ถาม ความซ่าหายไปแล้ว แต่เรื่องนี้ยังมีอยู่ไหมซิกซ์เซนส์
แม่แดง ฉันทนา : ถ้าห้องพักมีอะไรอยู่ แค่แม่ข้ามธรณีประตูไปเราจะรู้สึกได้เลย ขนลุก เราก็จะนอนไม่ได้ ไปกับเม้าแต่เม้าเขาไม่กลัวนะ เพราะว่าเขาหลับอย่างเดียว แล้วมีอยู่ครั้งที่เรานอนไปแล้วเหมือนโดนอำ เพราะว่าเราหันหน้าไปทางเม้าที่หลับแล้วก็โดนกระชากให้หันมาอีกทาง แล้วเอาหัวโขกเตียง เราก็บอกว่าเราเหนื่อยแล้ว เราจะนอนแล้ว เขาก็เงียบไป พอตอนเช้ามาขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ บุ๋ม ปนันดา มาบอกเราว่าโรงแรมที่เรานอนเป็นโรงพยาบาลเก่า
ถาม สัญญาใจที่ว่าระหว่าง แม่แดงกับแม่เม้าคืออะไร
แม่แดง ฉันทนา : เราคุยกันไว้ ถ้าใครตายก่อน คนที่อยู่ต้องมาแต่งหน้าให้นะ แม่เป็นคนพูดขึ้นมา เพราะว่าเม้าเขาเป็นคนที่แต่งหน้าศพเก่งมาก
ถาม แล้วถ้าพูดถึงเรื่องการทำศัลยกรรม แม่กล้าทำไหม
แม่แดง ฉันทนา : กลัว แต่ก็อยากทำ ความกลัวมันเริ่มจากตอนที่แม่ไปกรีดใต้ตาเพราะเมื่อก่อนมีถุงน้ำ จริงๆ แล้วแม่ไม่ได้เป็นคนที่เสนอตัวไปทำศัลยกรรมนะ แต่เพราะว่าเพื่อนเขาไปลงชื่อจะทำ แล้วเขาก็กลัว เขาก็บอกว่าเขาไม่ทำ ให้เราไปทำแทนเขา เราทำศัลยกรรมใต้ตาเท่านั้นแหละ ตอนหลังๆ มีคนชวนไปดึงหน้า เราไม่เอาเรากลัว แต่สิ่งที่เราอยากทำมากๆ เลยคือทำหน้าอก ณ ตอนนั้น คือเราไปทำคือฟรีด้วย เพราะว่าแม่ไปสอนลูกกับภรรยาเขาร้องเพลง
ถาม ทุกวันนี้เวลาเขาติดต่อไปร้องเพลง ยังรับไหม
แม่แดง ฉันทนา : รับค่ะ แต่ตอนหลังจากโควิดมาคือแอบลูกไปร้องไม่ได้เลย เพราะว่าเขามานอนบ้านทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ เขามานอนด้วย แล้วก็พาเราออกกำลังกาย
ถาม นอกจากกลัวศัลยกรรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แม่แดงกลัวคือกลัวตาย วันไหนที่รู้สึกไม่ดีจะเปิดหน้าต่าง ไม่ล็อคกลอน
แม่แดง ฉันทนา : อันนั้นไม่ใช่กลัวตาย กลัวว่าถ้าลูกมา แล้วจะเข้าไปเอาศพแม่ออกมาไม่ได้ พอเป็นอะไร ถ้าวันไหนหายใจไม่ออกจะคลานออกมาแล้วมาเปิดล็อคกุญแจไว้ แล้วก็กลับขึ้นไปนอนเหมือนเดิม ไม่อยากให้ลูกลำบาก เพราะว่าเขาก็ดูแลเรามาตลอด ไม่อยากให้เข้าลำบากตอนเอาศพแม่ออกมา
Advertisement