จากกรณีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา นำผู้เสียหายมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังพบว่าไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และช่วยทั้งหมดออกจากศูนย์นั้น
วันที่ 22 ก.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังบ้านโนนหมากแงว ต.น้ำคำ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มีผู้ที่เข้าบำบัดที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จำนวน 4 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
นางยอด (นามสมมติ) แม่ของนายมุ้ย ผู้บำบัดที่เสียชีวิต เปิดใจว่า ช่วงเดือนมีนาคม 2564 นายมุ้ย ลูกชายตัวเองมีอาการคลั่ง มาจากจากการดมกาว เวลากลางคืนก็จะเดินทั่วหมู่บ้าน ไม่ยอมหลับนอน จนชาวบ้านด่าว่าลูกชายเป็นตัวอันตราย กระทั่งวันที่ 3 เมษายน 2564 ตัวเองได้ติดต่อผู้ใหญ่บ้านหาที่บำบัดให้ลูกชาย กระทั่งผู้ใหญ่บ้านได้ไปติดต่ออาสาตำรวจรายหนึ่ง ตัวเองจ่ายเงินให้กับอาสารายนั้น24,000 บาท ตามที่เขาเรียกร้อง แบ่งเป็นเงิน 10,000 บาทค่ากองทุนให้วัด 2,000 บาท เป็นเงินฝากหรือค่าอาหาร และอีก 12,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
โดยอาสาคนดังกล่าวยังบอกกับตัวเองว่าลูกชายจะได้อยู่กินสบาย มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ ตัวเองจึงยินยอม เพราะอยากให้ลูกชายหายจากอาการที่เป็นอยู่ ตอนที่ลูกชายเข้ารับการบำบัดตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ตัวเองก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยสักครั้งเดียว กระทั่งเวลา 03.00 น. วันที่ 17 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา อาสาตำรวจได้โทรศัพท์มาบอกตัวเองว่าลูกชายตัวเองเสียชีวิตแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นตัวเองก็ร้องไห้เสียใจ ถามอาสาคนดังกล่าวว่า "เอาลูกแม่ไปรักษายังไง ถึงทำให้เขาตาย " อาสาคนดังกล่าวได้บอกว่าที่ลูกชายเสียชีวิต เพราะล้มในห้องน้ำ
จากนั้น ตัวเองได้โทรไปหาพระสงฆ์รูปหนึ่งที่วัดท่าพุ เพื่อสอบถามสาเหตุการตาย พระสงฆ์ก็บอกว่าลูกชายตัวเองไม่ทานข้าว มีสภาพอิดโรย ก่อนเกิดเหตุทางวัดได้แยกลูกชายไปไว้อีกที่หนึ่ง กระทั่งลูกชายได้ลื่นล้มในห้องน้ำเสียชีวิต วันที่ 18 กันยายน 2564 ตัวเองได้เดินทางไปที่วัดท่าพุ จ.กาญจนบุรี เพื่อทำพิธีเผาศพลูกชายอยู่ที่วัดดังกล่าว เนื่องจากตัวเองไม่มีเงินที่จะรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด กระทั่งตัวเองได้ไปเจอศพลูกชายที่อยู่ในสภาพมีผ้าขาวห่อเอาไว้ ผิวหนังเป็นสีเหลือง ร่างกายผอมแห้ง ไม่มีบาดแผลหรือรอยพกช้ำ ไม่เห็นผดผื่นตามร่างกาย เนื่องจากมีผ้าขาวห่อไว้ ซึ่งทางพระสงฆ์ที่วัดท่าพุก็ได้บอกกับตัวเองเรื่องผลชันสูตรศพลู สาเหตุมาจากหัวใจล้มเหลว
ทั้งนี้ ตัวเองยังได้เข้าไปกอดศพลูกชาย และบอกกับลูกชายว่า "แม่เอาลูกมารักษาเพื่อให้ลูกหาย ทำไมลูกถึงมาเสียชีวิตที่นี่ บ้านเราอยู่ไกล แม่เอาศพลูกกลับบ้านไม่ได้ แม่จะเผาลูกที่นี่นะ" อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิตคิดว่าน่าจะมาจากที่ลูกชายได้รับอาหารไม่เพียงพอ สภาพศพซูบผอม หลังจากเผาศพ 3 ชั่วโมง ตัวเองและญาติก็ได้เก็บอัฐิลูกชายใส่ในโกศและนำกลับมาไว้ที่วัดในบ้านเกิด
นางยอด เล่าต่อว่า ตอนที่ตัวเองไปเผาศพลูกชายที่เมรุวัดท่าพุ ไม่ได้ไปเห็นห้องที่ขังผู้บำบัด เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าใกล้จุดดังกล่าว กระทั่งตัวเองมาเห็นสภาพห้องดังกล่าวตามข่าว รู้สึกตกใจมาก คิดว่าตอนที่ลูกอยู่ในห้อง ๆ นั้น ลูกชายคงถูกตี คงถูกซ้อม และคงอดอาหาร คนตั้ง 200 คน เขาคงอยู่กันอย่างลำบากแน่นอน วันที่เผาศพลูกชายตัวเองยังได้พูดคุยกับหผู้คุมผู้บำบัด ซึ่งเขาได้บอกกับตัวเองว่าการดูแลผู้บำบัดจะต้องมีตีลงโทษผู้บำบัดอบู่บ้าง โดยเฉพาะคนที่มาจากร้อยเอ็ดจะดื้อมาก ตัวเองอยากถามถึงศูนย์บำบัดดังกล่าวว่าเอาลูกชายตัวเองไปบำบัดแล้วทำไมไม่ดูแลเขาให้ดี ๆ เงินก็เสียไปให้พวกเขา ทำไมไม่พาลูกชายอาบน้ำ ไม่พาลูกชายกินข้าวดี ๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตัวเองจะไม่ให้ลูกไปบำบัดที่ดังกล่าวอีก เพราะมันเป็นเหมือนการพาลูกชายไปให้เขาทารุณ ไปอดข้าวอดน้ำ ก่อนหน้านี้ตัวเองคิดว่าจะพาตัวลูกชายออกจากสถานบำบัดดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่สถานบำบัดบอกว่าต้องบำบัดให้ครอบ 1 ปี ถ้าไม่ครบ 1 ปี จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 10,000 บาท
